"เฮลีย์" ประกาศถอนตัวตามคาด แต่ไม่สนับสนุน "ทรัมป์"

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 6, 2024 23:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนิกกี เฮลีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา ประกาศถอนตัวอย่างเป็นทางการจากการแข่งขันเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่สื่อรายงานก่อนหน้านี้

"ดิฉันเคยกล่าวว่า ดิฉันต้องการให้เสียงของชาวอเมริกันได้ถูกรับรู้ ซึ่งดิฉันได้ทำสำเร็จแล้ว ดิฉันไม่มีความเสียใจแต่อย่างใด"

"ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้เป็นผู้สมัครชิงตัวแทนพรรคอีกต่อไป แต่ดิฉันก็จะไม่หยุดในการพูดถึงสิ่งที่ดิฉันเชื่อ" นางเฮลีย์กล่าว

นอกจากนี้ นางเฮลีย์แสดงความยินดีต่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้โดยปริยาย เนื่องจากไม่มีคู่แข่งอื่นภายในพรรคอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี นางเฮลีย์ปฏิเสธที่จะกล่าวสนับสนุนนายทรัมป์สำหรับการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน และย้ำว่าเขาจะต้องทำตัวให้สมกับคะแนนโหวตที่ได้รับจากสมาชิกพรรคและบุคคลภายนอกพรรคที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนเขา

ท่าทีล่าสุดของนางเฮลีย์มีขึ้น หลังจากที่ประสบความพ่ายแพ้ในแทบทุกรัฐในศึก "ซูเปอร์ทิวส์เดย์" (Super Tuesday) โดยสามารถคว้าชัยชนะในรัฐเวอร์มอนท์เท่านั้น

การประกาศถอนตัวของนางเฮลีย์จะส่งผลให้การเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.2567 เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และจะเป็นการรีแมตช์คู่ชิงประธานาธิบดีในปี 2563 และเป็นการแก้มือของนายทรัมป์ ซึ่งแม้จะเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปีดังกล่าว แต่คาดว่าเขายังคงมีฐานเสียงจำนวนมากที่ยังคงจงรักภักดีและพร้อมที่จะสนับสนุนให้เขากลับเข้าทำเนียบขาวอีกครั้ง

หากปธน.ไบเดนประสบชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ และได้ครองทำเนียบขาวต่ออีก 4 ปี ก็จะทำให้เขามีอายุ 86 ปีขณะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 มากกว่าอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนที่มีอายุ 77 ปีขณะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ในปี 2532

ผลการสำรวจของ New York Times/Siena College พบว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคะแนนนิยมจากชาวอเมริกันผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งสูงถึง 48% ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับคะแนนนิยมเพียง 43%

ผลการสำรวจพบว่า ชาวอเมริกันมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของปธน.ไบเดน และไม่พอใจต่อการบริหารประเทศ รวมทั้งการที่ผู้นำสหรัฐมีนโยบายสนับสนุนอิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามกับกลุ่มฮามาส และทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดนมีความได้เปรียบนายทรัมป์จากการที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนการเลือกตั้งจากกลุ่มทุนต่างๆ และการที่นายทรัมป์ยังคงเผชิญคดีความจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ