ชีล่า โควาร์รูเบียส โฆษกคณะกรรมการบริหารจัดการวิกฤตของฟิลิปปินส์ (CMC) เปิดเผยว่า ทางการประกาศมาตรการดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์จะไม่ติดอยู่ในวงล้อมของการปะทะกัน ขณะที่ CMC กำลังหาแนวทางสันติวิธีเพื่อยุติความขัดแย้งในเมืองซัมโบอังกาที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์
โควาร์รูเบียสกล่าวว่า เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ทางสภาเมืองซัมโบอังกามีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านกฤษฎีกาซึ่งกำหนดให้ต้องอพยพประชาชน
"ประชาชนทั้งหมดในบริเวณนี้ควรดำเนินตามคำสั่งอพยพ ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำหมู่บ้านได้รับคำแนะนำให้หาแนวทางและวิธีการในการอพยพประชาชน" โควาร์รูเบียสกล่าว "ประชาชนได้รับคำแนะนำให้สำรวจหาพื้นที่ปลอดภัยและไม่ตกอยู่ในวงล้อมของการปะทะ เพราะเราบอกไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เมื่อคืนนี้ก็ได้มีกฤษฎีกาสั่งอพยพประชาชนออกมาแล้ว"เมื่อถูกตั้งคำถามว่าการสั่งอพยพประชาชนบ่งชี้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่ลงหรือไม่ เธอกล่าวว่า "ฉันตอบไม่ได้ว่ามันแย่ลงหรือไม่ เพราะขณะที่มีคำสั่งอพยพ การเจรจาก็กำลังดำเนินต่อไป"
ขณะเดียวกัน CMC ซึ่งมีนายกเทศมนตรีมาเรีย อิซาเบลล์ คลิมาโค-ซาลาซาร์ เป็นประธาน ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับนูร์ มิซูอารี ผู้ก่อตั้งกลุ่ม MNLF และฮาเบียร์ มาลิก ผู้บัญชาการกลุ่ม MNLF โดยมิซูอารีอยู่ในเกาะซูลู ขณะที่มาลิกกำลังทำหน้าที่เป็นผู้นำกลุ่มในการก่อการในเมืองซัมโบอังกา
ขณะเดียวกันที่กรุงมะนิลา เอ็ดวิน ลาเซียร์ดา โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อยุติวิกฤต
"รัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกด้วยสันติวิธี แต่เราก็ขอเตือนผู้ที่ท้าทายอำนาจรัฐในขณะนี้ว่า อย่าได้คิดว่ารัฐลังเลที่จะใช้กำลังคุ้มครองประชาชน" ลาเซียร์ดากล่าว "ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องร่วมมือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธีโดยเร็ว ส่วนผู้ใดก็ตามที่หวังฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ คุณไม่สมหวังแน่นอน"เหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังของรัฐบาลและกลุ่ม MNLF ในเมืองซัมโบอังกา ล่วงเข้าสู่วันที่ 5 แล้ว โดยเมื่อวันจันทร์ กลุ่ม MNLF เกือบ 200 คนได้จับตัวประกันจำนวน 160-180 คนในเมืองซัมโบอังกา ภายหลังกองกำลังของรัฐบาลสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มกบฏชักธงที่ศาลาว่าการเมือง
ทั้งนี้ กลุ่ม MNLF เคยเป็นกลุ่มกบฏุมุสลิมขนาดใหญ่ที่สุดที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนในเกาะมินดาเนา แต่ต่อมาความต้องการแบ่งแยกดินแดงลดลงและกลุ่มหันไปกำหนดเขตปกครองตนเองในอาณาเขตจำกัดภายใต้ข้อตกลงซึ่งลงนามในปี 2539 อย่างไรก็ตาม สมาชิกของกลุ่มจำนวนมากยังคงพกอาวุธและก่อกบฎเป็นระยะๆมาโดยตลอด โดยอ้างว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์ไม่รักษาสัญญาที่จะพัฒนาพื้นที่เสื่อมโทรมในเขตมุสลิมอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่มิซูอารี ผู้นำกลุ่ม MNLF ต่อต้านการทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (MILF) ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏมุสลิมที่มีอิทธิพลอยู่ในปัจจุบัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน