"อาลีบาบา"ประกาศฮุบกิจการ"เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์"ตามคาด

ข่าวต่างประเทศ Friday December 11, 2015 21:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง แถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อกิจการหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ (SCMP) ของฮ่องกง

อย่างไรก็ดี อาลีบาบาไม่ได้เปิดเผยวงเงินในการซื้อกิจการ SCMP ในครั้งนี้

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว สื่อต่างๆได้ตีข่าวการที่อาลีบาบาอาจเข้าซื้อกิจการ SCMP ซึ่งขณะนั้น นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับโดยตรงต่อข่าวลือดังกล่าว

อาลีบาบาระบุว่า การซื้อกิจการ SCMP ในครั้งนี้ ได้รวมถึงสินทรัพย์ด้านอื่นๆ ของ SCMP ซึ่งได้แก่ แม็กกาซีน ธุรกิจโฆษณา และสื่อดิจิตัล

นอกจากนี้ SCMP ยังได้ถือหุ้นจำนวน 20.28% ในบริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) หรือ POST ของไทย

SCMP ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2446 หรือมีอายุมากถึง 112 ปี โดยเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษยักษ์ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในฮ่องกง และมีบทบาทในการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจีน

การซื้อกิจการ SCMP ถือเป็นการซื้อกิจการสื่อในต่างประเทศเป็นครั้งแรกของอาลีบาบา และเทียบได้กับการที่นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Amazon.com ได้ทำการซื้อกิจการหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ เมื่อปี 2556 ซึ่งทำให้การครอบครองวอชิงตัน โพสต์ของตระกูลเกรแฮมต้องสิ้นสุดลง หลังจากที่ ได้ดำเนินธุรกิจมานานถึง 4 รุ่น และเหมือนกับที่นายคริส ฮิวจ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของนิตยสารนิว รีพับลิค ในปี 2555

ในปี 2536 นายรูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าของนิวส์ คอร์ปอเรชั่น อาณาจักรสื่อขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และครอบครองเอส SCMP ในเวลานั้น ได้ขายกิจการ SCMP ให้แก่นายโรเบิร์ต ก๊วก มหาเศรษฐีชาวมาเลเซีย ผู้ก่อตั้งก๊วก กรุ๊ป ซึ่งมีธุรกิจในมือมากมาย เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำตาล สิ่งพิมพ์ และโรงแรม

อย่างไรก็ดี นายหม่าเคยมีเรื่องมีราวกับ SCMP ในปี 2556 ซึ่งทำให้นักข่าวรายหนึ่งของ SCMP ถึงกับต้องลาออก หลังจากรายงานว่า นายหม่ากล่าวสนับสนุนรัฐบาลจีนที่ใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยในบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 2532 โดยนายหม่ากล่าวว่าถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของรัฐบาลจีน

นายหม่าออกมาชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวว่า นักข่าวได้ตีความคำพูดของเขาผิดไป และไม่ได้ตีพิมพ์สิ่งที่เขากล่าวทั้งหมด

“ผมพยายามที่จะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นที่ผมต้องทำการตัดสินใจอย่างยากลำบากในฐานะซีอีโอของบริษัท" นายหม่ากล่าวในแถลงการณ์

“แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ว่า ความเห็นของผมตามที่ SCMP ได้รายงานนั้น ไม่ได้สะท้อนถึงสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์กับนักข่าว และทำให้เกิดความเข้าใจผิดครั้งใหญ่"

อย่างไรก็ดี การเข้าซื้อหุ้น SCMP ของนายหม่า อาจสร้างความกังวลต่อชาวฮ่องกง ซึ่งมีความภูมิใจต่อการที่ SCMP มีความเป็นอิสระทางการเมืองจากทางการจีน โดยเป็นที่ทราบกันว่า นายหม่า ซึ่งเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ มีความสนิทสนมกับผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน และที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้แสดงออกซึ่งการสนับสนุนและชื่มชมระหว่างกัน

หุ้น SCMP ได้ถูกระงับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงนับตั้งแต่เดือนก.พ.2556 เนื่องจากไม่ได้ทำการกระจายหุ้นในตลาดตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด นอกจากนี้ บริษัทยังประสบภาวะกำไรหดตัวเป็นเวลาถึง 3 ปีติดต่อกันถึงปีที่แล้ว แต่รายได้ประจำปีของ SCMP ยังคงมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกงในช่วง 3 ปีดังกล่าวเช่นกัน จากการที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทผู้ขายสินค้าระดับหรูหรา ยังคงทำการเช่าหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์

การที่อาลีบาบาเข้าซื้อหุ้นใน SCMP จะเป็นการขยายอาณาจักรสื่อของนายหม่า หลังจากที่เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา อาลีบาบาได้ทุ่มเงินจำนวน 194 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้น 30% ในไชน่า บิสซิเนส นิวส์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อทางการเงินของจีน ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทก็ได้ซื้อหุ้นใน Youku Tudou ซึ่งเป็นเว็บไซต์แชร์วิดีโอของจีน ในรูปแบบเดียวกับ YouTube รวมทั้งได้เข้าซื้อ Yicai ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข่าวการเงิน

จากการที่อาลีบาบามีมูลค่าตลาดกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจที่มากกว่าอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยนอกจากการลงทุนในบริษัทสื่อหลายแห่งแล้ว นายหม่ายังได้เข้าลงทุนในบริษัท Dodo Kuaidi ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแอพพลิเคชั่นในการเรียกรถแท็กซี่ รวมทั้งสโมสรฟุตบอลกว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ และบริษัท Hundsun Technologies ซึ่งเป็นบริษัทผลิตซอฟท์แวร์ทางการเงิน

พร้อมกันนี้ อาลีบาบา ยังประกาศแผนการที่จะเปิดตัวบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง ที่ชื่อว่า TBO ซึ่งให้บริการออนไลน์คล้ายกับ Netflix บริษัทวิดีโอออนไลน์สัญชาติอเมริกันที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง

ขณะเดียวกัน อะลีบาบายังได้รุกขยายอาณาจักรสู่ธุรกิจบันเทิง โดยเข้าซื้อหุ้นมูลค่า 382 ล้านดอลลาร์ของ Beijing Enlight Media

สำหรับภาพยนตร์ที่ Beijing Enlight Media สร้างนั้น ได้รับความนิยมอย่างสูงในจีน โดยเป็นผู้สร้างและผู้จำหน่าย “ลอสต์ อิน ไทยแลนด์" ( Lost in Thailand) ซึ่งทำรายได้สูงสุดในจีนเมื่อปี 2555 และยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่นายหม่าของซื้อธุรกิจสื่อ ที่รวมถึง SCMP นั้น ก็เพื่อต่อยอดจากธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่เขากำลังดำเนินอยู่

นายอัลวิน เฉียง ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารของอาลีบาบา กล่าวว่า การซื้อกิจการ SCMP เป็นไปตามความมุ่งมั่นของอาลีบาบาที่จะขยายกิจการไปยังต่างประเทศ โดยฮ่องกงถือเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ซึ่งมีการดำเนินการภายใต้ระบอบปกครองและกฎหมายที่แตกต่างจากส่วนอื่นของจีน นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ SCMP ก็เป็นที่รู้จักกันดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อาลีบาบากำลังหาทางเจาะตลาด โดย SCMP จะเป็นประตูที่จะเข้าสู่ภูมิภาคดังกล่าว

ด้านนายวิลลี แลม ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของจีน กล่าวว่า เป็นที่คาดว่าการที่นายหม่าเข้าซื้อหุ้นใน SCMP ซึ่งเป็นสื่อในฮ่องกง จะได้รับความเห็นชอบจากทางการจีน ซึ่งจะทำให้เขาได้รับแรงสนับสนุนทางการเมือง โดยจีนกำลังเริ่มคุมเข้มต่อทางฮ่องกง โดยเฉพาะสื่อ และการที่จีนสนับสนุนให้นักธุรกิจของจีนเข้าซื้อสื่อฮ่องกงก็จะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้จีนเข้าควบคุมได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ทางการจีนได้เพิ่มความเข้มงวดต่อฮ่องกง นับตั้งแต่ที่ขบวนการ “ปฏิวัติร่ม" เกิดขึ้นในปีที่แล้ว โดยผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ได้ออกมาชุมนุมในย่านใจกลางฮ่องกง ส่งผลให้การทำธุรกิจและการคมนาคมในย่านดังกล่าวกลายเป็นอัมพาต และหลังการประท้วง เว็บไซต์ของ SCMP ซึ่งได้รายงานความเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็ได้ถูกบล็อกในจีนเป็นเวลาราว 1 ปี ก่อนที่จะมีการยกเลิกเมื่อไม่นานมานี้

SCMP ถือเป็นตัวแทนเสียงแห่งอิสรภาพในดินแดนที่รัฐบาลทำการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด ถึงแม้นักวิจารณ์ระบุว่า SCMP ได้ผ่อนคลายจุดยืนของตนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ทางด้านอาลีบาบามีความสัมพันธ์เป็นอย่างดีกับรัฐบาลจีน ขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของบริษัทเป็นตัวช่วยรัฐบาลจีนในการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ โดยการสร้างงาน และสร้างธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ