รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เริ่มใช้บทลงโทษรุนแรงกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด-19 หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อในรัฐเพิ่มขึ้นอีก 439 ราย
ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่เข้ารับการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคจะต้องถูกปรับเป็นเงินราว 4,957 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (3,535 ดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนผู้ที่กระทำผิดซ้ำอาจถูกดำเนินคดีในชั้นศาลและปรับเป็นวงเงินสูงสุดถึง 20,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (14,276 ดอลลาร์สหรัฐ)
ก่อนหน้านี้ ทางการได้สั่งปรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในระยะที่ 4 เป็นเงิน 1,652 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (1,178 ดอลลาร์สหรัฐ) และสั่งปรับ 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (142 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย
ขณะนี้ รัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการอยู่เกือบ 6,500 ราย ทำให้ทางการหมดหวังที่จะควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า ความพยายามที่ไร้ผลเป็นเพราะประชาชนไม่ใส่ใจกับคำแนะนำของทางการ
นายแดเนียล แอนดริวส์ มุขมนตรีของรัฐวิกตอเรีย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชน 3,000 รายตามบ้านเพื่อตรวจสอบว่าบุคคลเหล่านี้กักตัวเองตามคำสั่งหรือไม่ พบว่า กว่า 800 รายไม่ได้กักตัวอยู่ที่บ้านอย่างที่ควรจะเป็น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มาตรการควบคุมโรคระยะที่ 4 ในรัฐวิกตอเรียซึ่งประกาศไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 6 สัปดาห์ โดยจะอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านได้เฉพาะบางกรณีเท่านั้น เช่น ซื้ออาหาร ไปทำงาน ไปโรงเรียน และออกกำลังกายกลางแจ้ง