In Focus"สงคราม 12 วัน" การหยุดยิงที่เปราะบาง และบทบาทของโดนัลด์ ทรัมป์

ข่าวต่างประเทศ Wednesday June 25, 2025 20:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เมื่อสมรภูมิความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านปะทุขึ้นอย่างรุนแรงและยืดเยื้อเป็นเวลา 12 วัน การสู้รบดังกล่าวก่อให้เกิดคลื่นความวิตกกังวลแผ่ขยายไปทั่วโลก แม้ท้ายที่สุดจะมีการประกาศหยุดยิง โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นคนกลาง แต่การพักรบครั้งนี้ถูกมองว่ายังคงอยู่ในภาวะเปราะบาง


* จุดเริ่มต้นสงคราม 12 วัน

ความขัดแย้งระลอกล่าสุดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากความตึงเครียดที่สั่งสมมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ทั้งสองประเทศเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างชัดเจน หนึ่งในปมเหตุสำคัญคือโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอิสราเอลมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและการดำรงอยู่ของตน รวมถึงการที่อิหร่านให้การสนับสนุนทางการเงินและอาวุธแก่กลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และกลุ่มอื่น ๆ ในซีเรียและเยเมน

เหตุการณ์ที่จุดชนวนสงครามโดยตรงครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่ออิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่อิหร่านเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ภายใต้ "ปฏิบัติการสิงโตผงาด" หรือ "Operation Rising Lion" เป้าหมายหลักของอิสราเอลอยู่ที่โรงงานนิวเคลียร์และโครงสร้างทางทหารของอิหร่าน โดยมีรายงานว่า การปฏิบัติการนี้ได้รับการวางแผนล่วงหน้าหลายเดือน พร้อมการสนับสนุนด้านข่าวกรองจากพันธมิตรภายนอก

ปฏิบัติการสิงโตผงาดของอิสราเอลส่งผลให้ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่านเสียชีวิต 3 นาย ได้แก่ โมฮัมหมัด ฮอสเซน บาเกรี เสนาธิการทหารสูงสุดของกองทัพอิหร่าน, ฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และโกแลม-อาลี ราชิด ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางกาตัม อัล-อันบียา

ภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงสำนักข่าว IRNA ของอิหร่านรายงานว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลหลายร้อยลูกใส่อิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีศูนย์นิวเคลียร์ใต้ดินขนาดใหญ่ในเมืองนาทานซ์ และสังหารผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่าน รวมถึงยังคงยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนมีเป้าหมายเพื่อสันติเท่านั้น

หลังจากนั้น ม่านสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านก็ได้เปิดขึ้น และโลกก็ยิ่งประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อสหรัฐฯ โดดร่วมวงโจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน ได้แก่ ฟอร์โด (Fordow) นาทานซ์ (Natanz) และอิสฟาฮาน (Isfahan) ภายใต้ปฏิบัติการ "มิดไนต์แฮมเมอร์" ซึ่งเป็นการโจมตีทางอากาศที่ซับซ้อนและไม่มีใครคาดคิด

นอกเหนือจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อสองคู่อริแล้ว การสู้รบครั้งนี้ยังส่งผลสะเทือนต่อเสถียรภาพของภูมิภาคอย่างรุนแรง ประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งต้องเผชิญกับความกังวลด้านความปลอดภัย น่านฟ้าบางส่วนถูกปิด ส่งผลกระทบต่อการเดินทางและขนส่ง ขณะที่ทั่วโลกหวาดผวาว่า อิหร่านจะใช้ไม้ตายปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดควบคุมการขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดของโลก เชื่อมอ่าวเปอร์เซียกับทะเลอาหรับ ความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สร้างความผันผวนต่อเศรษฐกิจทั่วโลก


* บทบาทของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นทุกขณะ และเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้มีการหยุดยิงโดยทันที ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ที่น่าสนใจคือทรัมป์ไม่ได้ใช้ช่องทางทางการทูตดั้งเดิม หรือการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่เลือกที่จะใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนตัวอย่าง Truth Social ในการ "ไลฟ์โพสต์" (Live posting) อัปเดตสถานการณ์ความขัดแย้งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ข้อความผ่านช่องทางส่วนตัวหลายครั้ง ระบุว่าเขาได้ประสานงานและเจรจากับผู้นำของทั้งอิสราเอลและอิหร่านเพื่อผลักดันข้อตกลงหยุดยิง

ล่าสุดวันนี้ (25 มิ.ย.) ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความพึงพอใจต่อสถานการณ์การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน

"ผมคิดว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านกำลังเป็นไปด้วยดี โดยอิสราเอลถอนกำลังออกมาเมื่อวานนี้ พวกเขาโจมตีเพราะเห็นว่ามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งในทางเทคนิคถือว่าพวกเขามีสิทธิทำได้ แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สถานการณ์อาจไม่เป็นผลดีนัก ผมจึงแจ้งพวกเขาให้นำเครื่องบินรบกลับมา และพวกเขาก็ปฏิบัติตาม ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก และขณะนี้สถานการณ์โดยรวมก็กำลังเป็นไปด้วยดี" ปธน.ทรัมป์กล่าวในระหว่างการหารือร่วมกับนายมาร์ค รุตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

ด้านอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า เขาได้สนทนากับพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อขอบคุณ ประธานาธิบดีทรัมป์ที่ดำเนินการต่อต้านภัยคุกคามนิวเคลียร์จากอิหร่าน

ขณะที่มีรายงานว่า หลังสงครามสงบลง ชาวอิสราเอลในเมืองไฮฟาต่างพากันแสดงความคิดเห็นชื่นชมและขอบคุณผู้นำสหรัฐฯ ที่เข้ามาเป็นคนกลางเจรจา


* การหยุดยิงที่เปราะบาง และปมปัญหาที่ยังคงอยู่

การประกาศหยุดยิงหลังการสู้รบยาวนาน 12 วัน ได้นำมาซึ่งความโล่งอกให้กับคนทั้งโลก แต่อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่ยังคงค้างคาคือ การหยุดยิงครั้งนี้จะเป็นเพียงการพักรบชั่วคราวหรือไม่ เพราะปมปัญหาหลักที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในภูมิภาค หรือโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่มีรายงานข่าวกรองว่าปฏิบัติการ "มิดไนต์แฮมเมอร์" ของสหรัฐฯ ทำลายฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่สำเร็จ เพียงแค่ "ลดระดับความสามารถ" ของโครงการนิวเคลียร์เท่านั้น แม้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็นเฟกนิวส์ พร้อมยืนกรานว่าเป้าหมาย "ถูกทำลายอย่างราบคาบ" ก็ตาม

ประชาคมโลกจึงยังคงต้องจับตาดูพัฒนาการในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ความเปราะบางของข้อตกลงที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้บ่งชี้ว่าสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืนในภูมิภาคยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง ต้องอาศัยความพยายามจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐอเมริกาในฐานะมหาอำนาจที่มีอิทธิพลในภูมิภาค เพื่อป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดปะทุขึ้นเป็นความรุนแรงครั้งใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไปไม่จบสิ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ