ในการเยือนครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนายอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ที่กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทย นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้วางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์นายโฮเซ ริซาล วีรบุรุษชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งปลดปล่อยฟิลิปปินส์จากอาณานิคมสเปน ตามประเพณีปฏิบัติของการต้อนรับและให้เกียรติผู้แทนระดับสูงจากต่างประเทศ โดยได้รับการต้อนรับจากนายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา นายโจเซฟ เอสตราดา อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ซึ่งได้มอบกุญแจกรุงมะนิลาให้แก่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และได้แสดงความยินดีที่รัฐบาลไทยได้ยกเลิกกฎอัยการศึก โดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ยกเลิกคำเตือนการเดินทางไปประเทศไทยแล้ว รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแสดงความยินดีกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยาวนานระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ให้มีพลวัตยิ่งขึ้น?ภายใต้กลไกความร่วมมือทวิภาคี โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission for Bilateral Cooperation – JCBC) ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ ครั้งที่ ๖ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๘ ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ก็แจ้งความพร้อมของฝ่ายฟิลิปปินส์ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (Joint Trade Committee - JTC) ครั้งแรก และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร (Joint Committee on Military Cooperation - JCMC) ครั้งแรก ระหว่างวันที่ ๑๓ – ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ในนามของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการในโอกาสแรก ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะหารือกำหนดช่วงวันเยือนที่เหมาะสมในโอกาสแรกต่อไป
ทั้งสองฝ่ายยินดีกับมูลค่าการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ จาก ๗,๖๖๑.๓๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ๒๕๕๖ เป็น ๘,๔๘๐.๔๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ๒๕๕๗ และฝ่ายฟิลิปปินส์ยินดีที่ภาคเอกชนไทยขยายการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขอบคุณฝ่ายฟิลิปปินส์ที่ให้การดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนแก่ภาคเอกชนไทยในฟิลิปปินส์ และขณะเดียวกันได้สนับสนุนให้ภาคเอกชนฟิลิปปินส์ขยายการลงทุนในไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุนระหว่างสองฝ่าย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในภาพรวมระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยินดีที่มีชาวฟิลิปปินส์เดินทางเยือนไทยจำนวนมากในแต่ละปี และพร้อมร่วมมือกับฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมถึงการเร่งรัดให้มีการให้สัตยาบันร่างบันทึกความเข้าใจด้านบริการเดินอากาศโดยเร็ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ได้แสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงรับโรงเรียนในฟิลิปปินส์ ๓ แห่ง ภายใต้โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์ โดยทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและวิชาการ การต่อต้านยาเสพติด และการเกษตร ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องให้มีการเร่งรัดการลงนามร่างบันทึกความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครูระหว่างกัน
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ครั้งแรก ในปี ๒๕๕๘ เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารและการเกษตร นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือ ๒ ฝ่าย ในการสนับสนุนการสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการสตรีในกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม ภูฎาน บังคลาเทศ เนปาล และติมอร์ –เลสเต
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐและข้าวจำนวน ๕๐๐ ตัน ให้แก่ฟิลิปปินส์ที่ประสบความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น Hagupit ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบข้าวภายในปลายเดือนนี้ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติต่อไป
ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศที่มีความสนใจร่วมกัน โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขอบคุณฟิลิปปินส์ที่สนับสนุนการทำหน้าที่?ประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน – จีนของไทย และขอรับการสนับสนุนจากฟิลิปปินส์ในการทำหน้าที่ดังกล่าวในอีก ๔ เดือนที่เหลือ เพื่อให้มีการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ?ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบอาเซียน อาทิ ความร่วมมือระหว่างกันในการอพยพประชาชน?ของประเทศอาเซียนออกจากบริเวณที่มีปัญหาด้านความมั่นคงปลอดภัย อาทิ ในเยเมน และได้หารือเกี่ยวกับการขับเคลื่อนประเด็นความร่วมมือระหว่างประเทศในกรอบต่างๆ ในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การประชุมเอเชีย – ยุโรป (Asia – Europe Meeting: ASEM) และเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (Forum for East Asia – Latin America Cooperation: FEALAC) ซึ่งไทยได้เป็นเจ้าภาพจัด และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (Asia – Pacific Economic Cooperation: APEC) ซึ่งฟิลิปปินส์จะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--