กรณีเรือประมงเวียดนามถูกจับกุมในน่านน้ำไทย เมื่อวันที่ ๗ – ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 14, 2016 17:10 —กระทรวงการต่างประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีเรือประมงเวียดนามถูกจับกุมในน่านน้ำไทยในช่วงวันที่ ๗ – ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่ได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ดังนี้

เหตุการณ์ที่ ๑
  • เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๓.๐๐ น. เรือปฏิบัติการของ ศรชล.เขต ๒ จำนวน ๑ ลำ ตรวจพบเรือประมงเวียดนาม ๕ ลำในน่านน้ำไทย จึงเข้าตรวจค้นและสามารถจับกุมได้ ๓ ลำ พร้อมลูกเรือ ๓๐ คนรวมไต้ก๋ง ส่วนเรืออีก ๒ ลำได้หลบหนีไป
  • ในระหว่างการเข้าตรวจค้น เรือประมงเวียดนาม ๒ ใน ๓ ลำที่ถูกจับกุมได้พุ่งชนเรือปฏิบัติการฯ จนได้รับความเสียหาย แต่เรือปฏิบัติการฯ ก็สามารถควบคุมสถานการณ์และนำลูกเรือเวียดนามขึ้นเรือปฏิบัติการฯ และได้ส่งเจ้าหน้าที่ไทยไปควบคุมไต้ก๋งชาวเวียดนามให้บังคับเรือเวียดนามแต่ละลำตามมาขึ้นฝั่งไทยเพื่อดำเนินคดี
  • อย่างไรก็ดี ในระหว่างทาง เรือประมงเวียดนาม ๒ ในจำนวน ๓ ลำมีน้ำไหลเข้าสู่เรือปริมาณมาก เรือปฏิบัติการฯ จึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างกลตรวจสอบแต่ก็ไม่สามารถอุดรูรั่วหรือสูบน้ำออกได้ ดังนั้น เรือปฏิบัติการฯ จึงรับเจ้าหน้าที่ไทยและไต้ก๋งเวียดนามในเรือประมงทั้ง ๒ ลำที่กำลังจะจมน้ำให้ขึ้นมาบนเรือปฏิบัติการฯ แต่ไต้ก๋งเวียดนาม 1 รายได้ขัดขืนและตัดสินใจกระโดดกลับไปที่เรือ ด้วยพายุลมกรรโชกแรงและคลื่นทะเลสูง ๑.๕ เมตร เรือปฏิบัติการฯ จึงไม่สามารถติดตามและจำเป็นต้องพาเรือประมงเวียดนามอีกลำที่มีรูรั่วกลับสู่ฝั่งเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ไทยและลูกเรือประมงเวียดนามที่เหลือ โดยระหว่างอยู่บนเรือปฏิบัติการ ได้มีการจัดหาอาหารและน้ำให้แก่ชาวประมงเวียดนามที่ถูกจับด้วย
  • ต่อมา เรือปฏิบัติการฯ พร้อมด้วยอากาศยานจาก ศรชล.เขต ๒ ได้กลับไปยังจุดที่เรือประมงเวียดนามจมหายทั้ง ๒ ลำ และวนหาไต้ก๋งเวียดนามที่สูญหายอย่างสุดความสามารถแต่ไม่พบ
  • ในวันที่ ๘ ก.ค.๒๕๕๙ ศรชล.เขต ๒ ได้ส่งเรือและอากาศยานไปติดตามหาไต้ก๋งเวียดนามที่สูญหายอีกครั้งแต่ไม่พบ และเมื่อถึงฝั่งไทยเมื่อวันที่ ๑๐ ก.ค. ๒๕๕๙ เรือปฏิบัติการฯ ได้ส่งมอบตัวลูกเรือเวียดนามทั้งหมดพร้อมของกลางเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
เหตุการณ์ที่ ๒
  • เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๒.๐๐ น. เรือปฏิบัติการของ ศรชล.จำนวน ๒ ลำได้ตรวจพบเรือประมงเวียดนาม ๒ ลำในน่านน้ำไทย จึงดำเนินการตามขั้นตอนหลักปฏิบัติในการตรวจค้น (VBSS Procedure) อาทิ พยายามติดต่อทางวิทยุ แสดงแผ่นป้ายให้เรือประมงตอบรับการติดต่อ ประกาศด้วยภาษาเวียดนามให้เรือประมงเวียดนามหยุดเพื่อให้ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เรือประมงเวียดนาม ทั้ง ๒ ลำเร่งเครื่องหนีและโยนสิ่งของบางอย่างทิ้งลงทะเล
  • โดยที่เรือปฏิบัติการฯ ได้รับข้อมูลจากการจับกุมเรือประมงเวียดนามในเหตุการณ์ที่ ๑ ว่า เรือประมงเวียดนามมีพฤติกรรมพร้อมจะเสี่ยงอันตรายเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม จึงได้ตักเตือนให้เรือประมงเวียดนามหยุด แต่เรือทั้ง ๒ ลำก็ยังหลบหนีและเมื่อจวนตัว เรือประมงเวียดนามได้พุ่งชนเรือปฏิบัติการฯ จนได้รับความเสียหาย ในที่สุด เรือปฏิบัติการฯ ก็สามารถเข้าจับกุมเรือประมงเวียดนามและลูกเรือได้ทั้งหมด ๙ คน และพบลูกเรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ๒ คน เจ้าหน้าที่ไทยจึงได้ทำความสะอาดบาดแผล ตรวจวัดชีพจรและความดัน

และส่งลูกเรือเวียดนามดังกล่าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลที่จังหวัดสงขลา ก่อนส่งมอบลูกเรือเวียดนามทั้งหมดพร้อมของกลางเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในเวลา ๑๘.๓๐ น. ทั้งนี้ ณ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ แพทย์ได้วินิจฉัยให้ลูกเรือประมงที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับการรักษาสามารถออกจากโรงพยาบาลได้

การดำเนินการของหน่วยปฏิบัติการของ ศรชล.เขต ๒ ได้ยึดหลักการอย่างเคร่งครัด ดังนี้

๑. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของไทยได้ดำเนินการตามหลักปฏิบัติในการตรวจค้นในการขอตรวจค้นเรือ โดยใช้มาตรการจากเบาไปสู่หนัก ซึ่งสอดคล้องกับแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ

๒. เรือประมงเวียดนามดังกล่าว รุกล้ำน่านน้ำไทยถึงบริเวณฐานขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายไทยที่มีบทลงโทษในการจับกุมและดำเนินคดี ตาม พ.ร.ก.ประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. ๒๔๘๒ รวมทั้งอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาวไทยอีกด้วย

๓. เจ้าหน้าที่ไทยได้ปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมในการดูแลชาวประมงเวียดนาม เช่นเดียวกับการดูแลชาวประมงไทยและชาวประมงต่างชาติ โดยได้จัดอาหารและน้ำดื่ม ให้การปฐมพยาบาลและจัดส่งผู้ได้รับบาดเจ็บทางเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.สงขลา โดยทันที

๔. ศรชล.เขต ๒ ได้ใช้ความพยายามในการดำเนินการต่อเรือประมงเวียดนามอย่างละมุนละม่อม และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงอย่างสุดความสามารถ รวมทั้งได้มีการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่องกับทางการเวียดนามผ่านความร่วมมือด้าน hotline ที่มีระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลภายหลังการจับกุม

ทั้งนี้ ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ – ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ มีการจับกุมเรือประมงเวียดนามแล้วอย่างน้อย ๑๙ ลำ โดยมีลูกเรือประมงเวียดนามถูกจับกุมทั้งหมด ๑๖๐ คน ซึ่งเป็นผลจากความพยายามของไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย (IUU) อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจและจะเพิ่ม – กระชับความร่วมมือกับฝ่ายเวียดนามในการแก้ไขปัญหาเรือประมงร่วมกันต่อไป

ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวานนี้ (๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย มาเพื่อชี้แจงและรับทราบข้อมูลแล้ว และในวันนี้ (๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ได้ดำเนินการส่งรายละเอียดข้อเท็จจริงข้างต้น ให้กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามอีกทางหนึ่งด้วยแล้ว

--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ