- นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือน มิ.ย.56 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.0 ล้านคน หรือขยายตัวร้อยละ 25.0
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนมิ.ย. 56 ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ขยายตัวร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ในเดือน พ.ค. 56 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.55 ล้านล้านบาท
- GDP สิงคโปร์ ไตรมาสที่ 2 ปี 56 (ตัวเลขเบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- มูลค่าการส่งออกจีน เดือน มิ.ย. 56 หดตัวร้อยละ -3.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มูลค่าการนำเข้าหดตัวลงร้อยละ -0.9
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่น เดือน มิ.ย. 56 ลดลงสู่ระดับ 44.6 จุด จากระดับ 46.0 จุดในเดือนก่อนหน้า
- เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 56 ธนาคารกลางญี่ปุ่น มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ช่วงร้อยละ 0-0.10 ต่อปี
ขณะที่ธนาคารmกลางอินโดนีเซียมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ o0.5 จากร้อยละ 6.0 ต่อปี
มาอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ต่อปี
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมาเลเซียเดือน พ.ค. 56 ขยายตัวร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
Indicators Forecast Previous Jun : TISI (Index) 97.0 94.3
จากค่าเงินบาทที่ส่งสัญญาณอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการคลายความกังวล ประกอบกับ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.50 ของ กนง. ที่เอื้อต่อการลงทุนและการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายนอกประเทศ
- นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือน มิ.ย.56 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.0 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 25.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 6.1 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังหักผลทางฤดูกาล (m-o-m SA) โดยเป็นการขยายตัวดีจากนักท่องเที่ยว จีน มาเลเซีย และรัสเซีย ซึ่งขยายตัวร้อยละ 106.31 34.41 และ 58.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ส่งผลทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 56 มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 5.9 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 21.3 0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 8.1 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าหลังหักผลทางฤดูกาล (Q-o-Q SA)
- ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนมิ.ย. 56 ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ โดยเฉพาะยางพารา และปาล์มน้ำมัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพื้นที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก สอดคล้องกับผลผลิตหมวดปศุสัตว์ที่ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดีที่ร้อยละ 1.4 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสุกร เป็นสำคัญ ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกปี 56 ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- ดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ในเดือนมิ.ย.56 ขยายตัวร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.5 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาผลผลิตในหมวดพืชผล โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ที่ราคายังคงขยายตัวในระดับสูง เนื่องจากอุปสงค์ที่มีเข้ามาต่อเนื่องจากประเทศจีน และราคาในหมวดประมง โดยเฉพาะกุ้งที่ได้รับผลกระทบจากโรดระบาดอย่างไรก็ดี ราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน ราคายังคงหดตัวต่อเนื่อง จากอุปทานในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการเพิ่มสต็อคของของประเทศจีนและญี่ปุ่นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่อุปสงค์ค่อนข้างทรงตัว ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกปี 56 ดัชนีราคาสินค้าเกษตรหดตัวที่ร้อยละ -1.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
- สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ในเดือน พ.ค. 56 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.55 ล้านล้านบาท จากเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 0.6 จากเดือนก่อนหน้า (หลังขจัดปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ขณะที่สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อนหน้า (หลังขจัดปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ทั้งนี้ ความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์จากนอกประเทศ รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขยายตัวของสินเชื่อ และสถานะของสภาพคล่องได้ในระยะต่อไป
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย. 56 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 97.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 94.3 จากค่าเงินบาทที่ส่งสัญญาณอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการคลายความกังวล ประกอบกับ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.50 ของ กนง. ที่เอื้อต่อการลงทุนและการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายนอกประเทศ
Global Economic Indicators: This Week
- การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือน มิ.ย. 56 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 195,000 ตำแหน่ง ผลจากการจ้างงานหมวดบริการภาคเอกชน โดยเฉพาะหมวดขนส่งและสาธารณูปโภค หมวดธุรกิจ หมวดสันทนาการ และหมวดค้าปลีก ที่เพิ่มขึ้นถึง 45,000 53,000 75,000 และ 37,100 ตำแหน่ง ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม แรงงานที่กลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้นถึง คน ทำให้อัตราการว่างงาน เดือน มิ.ย. 56 คงที่อยู่ที่ร้อยละ 7.6 ของกำลังแรงงานรวม
- อัตราเงินเฟ้อ เดือน มิ.ย. 56 เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งจากราคาอาหาร โดยเฉพาะผักและผลไม้สดที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานต่ำ มูลค่าการส่งออก เดือน มิ.ย. 56 หดตัวร้อยละ -3.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 17 เดือน จากการส่งออกไปยังคู่ค้าสำคัญที่หดตัวลงต่อเนื่อง ทั้งสหรัฐฯ ฮ่องกง และยูโรโซน มูลค่าการนำเข้า เดือน มิ.ย. 56 หดตัวลงร้อยละ -0.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนอุปสงค์ภายในที่แผ่วลง อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกยังมากกว่ามูลค่าการนำเข้าทำให้ ดุลการค้า เดือน มิ.ย. 56 เกินดุลเพิ่มขึ้นที่มูลค่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน มิ.ย. 56 ลดลงสู่ระดับ 44.6 จุด จากระดับ 46.0 จุดในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 6 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่ลดลง เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้น จากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นสำคัญ บ่งชี้ถึงระดับรายได้ที่แท้จริงของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่ลดลงโดยเปรียบเทียบ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 56 ธนาคารกลางญี่ปุ่น มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ช่วงร้อยละ 0-0.10 ต่อปี นับเป็นอัตราต่ำต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานเกือบ 3 ปี ติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศของญี่ปุ่นทั้งนี้ BOJ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นต่อเนื่อง นับไปเป็นสัญญาณที่ดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงต่อไป
- การค้าระหว่างประเทศฟื้นตัวชัดเจนเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน จากมูลค่าการส่งออก เดือน มิ.ย. 56 ขยายตัวร้อยละ 8.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.9 ผลจากปัจจัยฐานต่ำ อีกทั้งการส่งออกไปประเทศคู่ค้าในเอเชียขยายตัวแทบทุกตลาด โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย สอดคล้องกับการส่งออกที่ขยายตัวในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าเกษตร มูลค่าการนำเข้า เดือน มิ.ย. 56 ขยายตัวร้อยละ 6.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่หดตัวที่ร้อยละ -8.0 จากการนำเข้าสินค้าทุนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวเร็วกว่าและมีมูลค่ามากกว่าการนำเข้าทำให้ ดุลการค้าเดือน มิ.ย. 56 เกินดุลที่มูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 56 ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 6.0 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ต่อปี ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 2 เพื่อป้องกันแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และรักษาเสถียรภาพภายในระบบการเงินจากเงินทุนไหลออกที่มีเป็นจำนวนมากในระยะนี้
- มูลค่าการส่งออก เดือน พ.ค. 56 หดตัวร้อยละ -5.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้ เป็นผลจากการส่งออกไปยังญี่ปุ่นที่หดตัวกว่าร้อยละ -12.0 ส่วนมูลค่าการนำเข้า เดือน พ.ค. 56 ก็หดตัวเช่นเดียวกันที่ร้อยละ -2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่หดตัวร้อยละ -16.3 ทั้งนี้ มูลการส่งออกที่หดตัวในอัตราที่สูงกว่ามูลค่าการนำเข้าส่งผลให้ดุลการค้า เดือน พ.ค. 56 เกินดุลมูลค่า 2.4 พันล้านริงกิต ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ค. 56 ขยายตัวร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเหล็กที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 และ 4.8 ตามลำดับ
- มูลค่าการส่งออก เดือน พ.ค. 56 หดตัวร้อยละ -0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ -11.1 ทั้งนี้ เป็นผลจากการส่งออกสินค้าในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ที่หดตัวร้อยละ -9.3 เป็นสำคัญ ส่วนอัตราเงินเฟ้อ เดือน มิ.ย. 56 อยู่ที่ร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ร้อยละ 2.6 เนื่องจากราคาบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
- GDP ไตรมาสที่ 2 ปี 56 (ตัวเลขเบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากฟื้นตัวของภาคการผลิตที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้งที่ร้อยละ 1.1 จากเดิมที่เคยหดตัวที่ร้อยละ -6.9 ในไตรมาสก่อน
- อัตราการว่างงาน เดือน มิ.ย. 56 เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 5.73 ของกำลังแรงงานรวมทั้งหมด ถือว่าเป็นอัตราการว่างงานที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 52 โดยการจ้างงานรวมลดลง 4,889 ตำแหน่ง ขณะที่การว่างงานลดลง 1,343 ตำแหน่ง จากเดือนก่อน
- อัตราการว่างงาน เดือน มิ.ย. 56 อยู่ที่ร้อยละ 3.2 ของกำลังแรงงานรวม คงที่จากเดือนก่อน โดยตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับกำลังแรงงานรวมที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การจ้างงานรวมอยู่ที่ 25.48 ล้านตำแหน่งในเดือน มิ.ย. 56 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนกว่า 360,000 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 56 ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับต่ำ
- ดัชนี SET ปรับตัวลดลงมากในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้นเกิน 1,400 จุด ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนีฯ ณ วันที่ 11 ก.ค. 56 ปิดที่ 1,447.04 จุด มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 47,064 ล้านบาท ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหน้าบ่งชี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนวิตกว่าอาจมีการยุติมาตรการ QE ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม แถลงข่าวผลการประชุม FOMC ในช่วงปลายสัปดาห์ ที่บ่งชี้การใช้นโยบายการทางการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อให้อัตราการว่างงานสหรัฐฯ ลดลงถึงเป้าหมายที่ร้อยละ 6.5 ทำให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 8 - 11 ก.ค. 56 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -521.5 ล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงในตราสารระยะสั้นและพันธบัตรระยะยาว ประมาณ 1-5 bps และปรับขึ้นในตราสารระยะปานกลาง ในทิศทางเดียวกับ US Treasury หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับมาตรการ QE ของสหรัฐฯ โดยระหว่างวันที่ 8 - 11 ก.ค. 56 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -2,822.8 ล้านบาท (ไม่รวมพันธบัตร ธปท.)
- ค่าเงินบาทคงที่ โดย ณ วันที่ 11 ก.ค. 56 ค่าเงินบาทปิดที่ระดับ 31.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ คงที่ จากสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ค่าเงินสกุลอื่นๆ ส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้นตามค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย ทำให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในสัปดาห์นี้อ่อนค่าลงร้อยละ -0.57 จากสัปดาห์ก่อนหน้า
- ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาทองคำ ณ วันที่ 11 ก.ค. 56 ปิดที่ 1,284.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สูงขึ้นมากจากต้นสัปดาห์ที่ปิดที่ 1,235.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3253 : www.fpo.go.th