รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2559

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 16, 2016 15:45 —กระทรวงการคลัง

นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 เมษายน 2559 มีจำนวน 6,050,595.88 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.09 ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,474,219.15 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,039,689.49 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 524,402.57 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 12,284.67 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 36,946.02 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,474,219.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 42,535.18 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 46,436 ล้านบาท
  • การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 2,582.40 ล้านบาท

โดยเป็นการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ แบ่งเป็น (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,240.73 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง และ (2) การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 1,341.67 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง

  • การกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ที่จะครบกำหนดในวันที่ 9 มิถุนายน 2559
  • การชำระหนี้เงินต้น และดอกเบี้ย จากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 8,092.77 ล้านบาท แบ่งเป็น
  • การชำระคืนหนี้เงินต้นที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 3,000 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 2,100.42 ล้านบาท
  • การชำระคืนหนี้เงินต้นต่างประเทศ จำนวน 327.78 ล้านบาท
  • การชำระดอกเบี้ย จำนวน 2,664.57 ล้านบาท

การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 2,336.38 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน ซึ่งใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 844.98 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,039,689.49 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 221.33 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร จำนวน 4,000 ล้านบาท
  • บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด จำนวน 3,000 ล้านบาท
  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท
  • การชำระคืนหนี้เงินต้นจากสัญญาเงินกู้ (Term Loan) จากแหล่งเงินกู้ต่างๆ ที่มากกว่าการเบิกจ่าย ทำให้หนี้ลดลง 1,035.41 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 775.98 ล้านบาท
  • ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 909.44 ล้านบาท
  • หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 524,402.57 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,121.13 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 1,119 ล้านบาท
  • หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 12,284.67 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 4,246.70 ล้านบาท โดยรายการ ที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 4,254.52 ล้านบาท

หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2559 จำนวน 6,050,595.88 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ในประเทศ 5,695,399.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.13 และหนี้ต่างประเทศ 355,196.62 ล้านบาท (ประมาณ 10,293.14 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.87 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,273,862.87 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.16 และหนี้ระยะสั้น 776,733.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.84 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505 5512 และ 5520

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2559 ดังนี้ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2559 มีจำนวน 6,050,595.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 44.09 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 36,946.02 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. หนี้ของรัฐบาล 4,474,219.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42,535.18 ล้านบาท

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,039,689.49 ล้านบาท ลดลง 221.33 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 524,402.57 ล้านบาท ลดลง 1,121.13 ล้านบาท

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 12,284.67 ล้านบาท ลดลง 4,246.70 ล้านบาท

1. หนี้ของรัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 32,535.18 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 1,590.61 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินเยน ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น จำนวน 745.63 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือ หลังจากทำการเบิกจ่ายและชำระคืน ในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 844.98 ล้านบาท

1. CAD=สกุลเงินเหรียญแคนาดา EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3. หนี้ต่างประเทศที่มีการบริหารความเสี่ยงแล้ว ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ทำการบริหารความเสี่ยง

หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้น 30,944.57 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้นสุทธิ 34,536 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 46,436 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรทั้งจำนวน
  • การลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 11,900 ล้านบาท
  • การปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง จำนวน 19,802 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
  • เงินกู้ให้กู้ต่อ ลดลงสุทธิ 3,591.43 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 1,240.73 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 611.63 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 573.17 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 55.93 ล้านบาท นอกจากนี้ได้มีการชำระคืนต้นเงินกู้สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงจำนวน 3,000 ล้านบาท
  • การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 268.26 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 161.57 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จำนวน 106.69 ล้านบาท และมีการชำระคืนต้นเงินกู้สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 2,100.42 ล้านบาท

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 10,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 9 มิถุนายน 2559

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 832.80 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้เงินเยนของรัฐวิสาหกิจต่างๆ จำนวน 368.12 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืน ในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,200.92 ล้านบาท

1. EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3. หนี้คงค้างต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจบางส่วนได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงแล้ว (Partial Hedge)

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 500 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายเงินกู้ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1,015.91 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนต้นเงินกู้ สกุลเงินต่างๆ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 724.43 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืน ในรูปเงินบาทลดลง 291.48 ล้านบาท

1. EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3. หนี้ที่ยังไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากรัฐวิสาหกิจมีรายรับและรายจ่ายหนี้ต่างประเทศเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ (Natural Hedged) โดยประกอบไปด้วย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 538.22 ล้านบาท เนื่องจาก

  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกและไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 4,000 ล้านบาท และ 93 ล้านบาท ตามลำดับ
  • บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด จำนวน 3,000 ล้านบาท
  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท
  • องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด จำนวน 2.36 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 442.86 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 645.22 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,088.08 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลง 2.13 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง

1. EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1,119 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจ

ที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการบริหารจัดการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลงสุทธิ 4,246.70 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ โดยเป็นการเบิกจ่ายและชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อย และน้ำตาลทราย จำนวน 0.17 ล้านบาท และ 4,254.52 ล้านบาท ตามลำดับ และการเบิกจ่ายและชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 63.90 ล้านบาท และ 56.25 ล้านบาท ตามลำดับ

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2559 มีจำนวน 6,050,595.88 ล้านบาท ซึ่งสามารถแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้

หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 355,196.61 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.87 และหนี้ในประเทศ 5,695,399.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.13 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,799,997.09ล้านบาท หรือร้อยละ 95.86 และหนี้ระยะสั้น 250,598.79ล้านบาท หรือร้อยละ 4.14 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,273,862.87 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.16 และหนี้ระยะสั้น 776,773.01ล้านบาท หรือร้อยละ 12.84 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

หมายเหตุ: การนำข้อมูลและ/หรือบทวิเคราะห์ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะไปใช้และ/หรือเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลด้วย

ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512 และ 5520

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนเมษายน 2559 วงเงินรวม 119,160.95 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 89,249.55 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 29,911.40 ล้านบาท ดังนี้

1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 89,249.55 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.1 การกู้เงินในประเทศ 47,944.99 ล้านบาท

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 1,073.41 ล้านบาท

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ 29,802 ล้านบาท

1.4 การชำระหนี้ 10,429.15 ล้านบาท

1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 47,944.99 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 46,436 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล

1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 1,508.99 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

(1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 1,240.73 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 611.63 ล้านบาท สายสีน้ำเงิน จำนวน 573.17 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 55.93 ล้านบาท

(2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 268.26 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 161.57 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จำนวน 106.69 ล้านบาท

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 1,073.41 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 29,802 ล้านบาท

1.3.1 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 19,802 ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2559 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง จำนวน 19,802 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้

1.3.2 การกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 10,000 ล้านบาท

ในเดือนเมษายน 2559 กระทรวงการคลังมีการกู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) โดยการออก R-bill จำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ที่จะครบกำหนดในวันที่ 9 มิถุนายน 2559

1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 10,429.15 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1.4.1 การชำระหนี้เงินต้น และดอกเบี้ย จากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 8,092.77 ล้านบาทโดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • ชำระเงินต้น จำนวน 5,428.20 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อ จำนวน 5,100.42 ล้านบาท และ (2) การชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 327.78 ล้านบาท
  • ชำระดอกเบี้ย จำนวน 2,664.57 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน

1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 2,336.38 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน ซึ่งใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งออกเป็น

(1) การชำระดอกเบี้ยหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 1,283.51 ล้านบาท

(2) การชำระดอกเบี้ยหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 1,052.87 ล้านบาท

2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 29,911.40 ล้านบาท

2.1 การกู้เงินในประเทศ

ในเดือนเมษายน 2559 กระทรวงการคลังมีการจัดหาเงินกู้ให้แก่รัฐวิสาหกิจ จำนวน 6,590 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในรูปของพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ และการกู้เงินขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำนวน 2,590 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน (โปรดดูตารางที่ 2 ประกอบ)

2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ

ในเดือนเมษายน 2559 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศให้แก่รัฐวิสาหกิจวงเงินรวม 23,321.40 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) การกู้ใหม่มาชำระหนี้เดิม (Refinance) วงเงิน 4,716.50 ล้านบาท ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และ (2) การขยายอายุสัญญาเงินกู้ (Roll Over) วงเงิน 18,604.90 ล้านบาท ประกอบด้วยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร Roll Over วงเงิน 10,604.90 ล้านบาท และ 8,000 ล้านบาท ตามลำดับ

--กระทรวงการคลัง--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ