รายงานภาวะเศรษฐกิจรายสัปดาห์ (Weekly) ณ 3 ก.ย. 64

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 6, 2021 15:53 —กระทรวงการคลัง

เศรษฐกิจไทย

ExecutiveSummary

เศรษฐกิจไทยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ก.ค. 64ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.1ต่อปี ปริมาณการจำหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กรวมภายในประเทศเดือน ก.ค. 64 หดตัวร้อยละ -5.6 ต่อปีการเบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือน ก.ค. ปีงบประมาณ 64ขยายตัวร้อยละ 14.0 ต่อปีรัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน ก.ค. ปีงบประมาณ 64 หดตัวร้อยละ -20.9ต่อปีฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน ก.ค. ปีงบประมาณ 64 ขาดดุลจำนวน -44,966 ล้านบาทหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 55.6 ของ GDP ภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐบาลจัดเก็บได้ ณ ระดับราคาคงที่ในเดือน ก.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 22.9ต่อปีภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือน ก.ค. 64หดตัวร้อยละ -11.6ต่อปี

เศรษฐกิจต่างประเทศGDPออสเตรเลีย ไตรมาส 2 ปี 64 ขยายตัวร้อยละ 9.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนGDP เกาหลีใต้ ไตรมาส 2ปี 64ขยายตัวที่ร้อยละ 6.0จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.1 ต่อปี แต่หดตัวร้อยละ -2.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลของฤดูกาล

          การขยายตัวของดัชนี MPIในเดือน ก.ค. 64 เป็นผลมาจากการขยายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ อุตสาหกรรมพลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น และอุตสาหกรรมน้ำตาลที่ขยายตัวร้อยละ 31.5 19.0 18.6 10.6 และ 93.7 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่อุตสาหกรรมที่ยังคงหดตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง อุตสาหกรรมมอลต์และสุราที่ทำจากข้าวมอลต์ อุตสาหกรรมสัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง และอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ที่หดตัวร้อยละ -5.0 -9.8 -21.9 -27.9 และ -31.0 ต่อปี ตามลำดับปริมาณการจำหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กรวมภายในประเทศเดือน ก.ค. 64 หดตัวร้อยละ -5.6 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -7.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังปรับผลทางฤดูกาลปริมาณการจำหน่ายเหล็กในประเทศกลับมาหดตัว โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากปริมาณการจำหน่ายเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้นข้ออ้อย และเหล็กลวด ที่หดตัวร้อยละ -35.0 และ -34.6 ต่อปี ตามลำดับ                 หลังการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศรอบใหม่ ทำให้กิจกรรมการก่อสร้างในพื้นที่การแพร่ระบาดสูงชะลอลง
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยการเบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือน ก.ค. ปีงบประมาณ 64 เบิกจ่ายได้ทั้งสิ้น 265,754 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 14.0ต่อปี ทำให้ 10เดือนแรกเบิกจ่ายได้ 2,654,920ล้านบาท หดตัวร้อยละ -0.3คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายสะสมที่ร้อยละ 75.8

โดย (1) รายจ่ายปีปัจจุบัน เบิกจ่ายได้ 260,446 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16.4 ต่อปี คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายสะสมที่ร้อยละ 75.7 ทั้งนี้ แบ่งออกเป็น (1.1) รายจ่ายประจำ 223,450 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.9 ต่อปี คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายสะสมที่ร้อยละ 82.2 และ (1.2) รายจ่ายลงทุน 36,996 ล้านบาท หดตัวร้อยละ -14.9 ต่อปี คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายสะสมที่ร้อยละ 49.5 (2) รายจ่ายปีก่อน เบิกจ่ายได้ 5,308 ล้านบาท หดตัวร้อยละ -42.5ต่อปี คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายสะสมที่ร้อยละ 76.9ต่อปี รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน ก.ค. ปีงบประมาณ 64 ได้ 170,876ล้านบาท หดตัวร้อยละ -20.9 ต่อปี ทำให้ 10เดือนแรกจัดเก็บได้ 1,917,020 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ0.6 ต่อปีโดยรายได้หดตัวจากหน่วยงานอื่นที่หดตัวร้อยละ -31.2 ต่อปี ภาษีน้ำมันหดตัวร้อยละ -47.5ต่อปี และภาษีเบียร์ หดตัวร้อยละ -50.0ต่อปี จากการเลื่อนการชำระภาษีเบียร์และจากการเปลี่ยนวิธีชำระภาษีน้ำมัน

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน ก.ค. ปีงบประมาณ 64 พบว่า ดุลเงินงบประมาณขาดดุลจำนวน -44,966 ล้านบาท

ทั้งนี้เมื่อรวมกับดุลนอกงบประมาณแล้วพบว่าเกินดุล 22,700 ล้านบาท ดุลเงินสดก่อนกู้ขาดดุล -22,266 ล้านบาท โดยในเดือนนี้ รัฐบาลมีการกู้เงิน 6,000ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสุดหลังกู้ขาดดุล -16,266ล้านบาท ทั้งนี้จำนวนเงินคงคลังปลายงวดอยู่ที่ 444,100ล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ค. 64 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,909,063.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 55.59 ของ GDPและเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 83,966ล้านบาท

ทั้งนี้ สถานะหนี้สาธารณะของไทยถือว่ามีความมั่นคง สะท้อนได้ จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 60 ของ GDP และหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาว โดยแบ่งตามอายุคงเหลือ คิดเป็นร้อยละ 86.69 ของยอดหนี้สาธารณะและเป็นหนี้ในประเทศคิดเป็นร้อยละ 98.2ของยอดหนี้สาธารณะ

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทย
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐบาลจัดเก็บได้ ณ ระดับราคาคงที่ในเดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 22.9 ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาล ขยายตัวที่ร้อยละ 2.4
การจัดเก็บภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์   ในเดือน ก.ค.64 กลับมาหดตัวในทุกหมวดการจัดเก็บ โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะที่หดตัวร้อยละ   -8.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากผลกระทบของ       การระบาดของโควิด-19 รอบ 3 ที่มีความรุนแรงและขยายวงกว้างยิ่งขึ้น จนทำให้รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง โดยคาดว่าการจัดเก็บภาษีจาก           การทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในระยะถัดไปจะยังคงชะลอตัวต่อไป จนกว่าความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเศรษฐกิจโดยรวมจะฟืนตัว
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการนำเข้าที่ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 42.7 ต่อปี           ซึ่งสอดคล้องกับการนำเข้าของประเทศที่ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 45.9 ต่อปี โดยเฉพาะสินค้าน้ำมันที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 105.4 ต่อปี ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการใช้จ่ายภายในประเทศอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ที่มีมูลค่าเฉลี่ย 40,000 ล้านบาท ประกอบกับในเดือน ก.ค. 64 ได้รับผลจากปัจจัยฐานต่ำจากมาตรการเลื่อนการยื่นแบบชำระภาษีฯ ที่สิ้นสุดลงส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการใช้จ่ายภายในประเทศสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 11.9ต่อปีภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือน ก.ค. 64 หดตัวร้อยละ -11.6 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -10.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังปรับผลทางฤดูกาล
เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ

ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือน ก.ค. 64หดตัวที่ร้อยละ -8.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ -2.0จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางอุปทานที่ยังคงมีจำกัด โดยยอดขายบ้านที่รอปิดการขายปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ดัชนีราคากลางบ้าน เดือน มิ.ย. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 1.6จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.8จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) เป็นผลจากดัชนีที่ปรับตัวลดลงในเขต PacificWestNorthCentralSouth

Atlanticและ NewEnglandแต่หากพิจารณาเทียบรายปีพบว่า ดัชนีราคาบ้าน เดือน     มิ.ย. 64 ยังคงมีการขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 18.8จากช่วงเดียวกันของปีก่อนดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 59.9จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 59.5จุด จากดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในหมวดยอดคำสั่งซื้อใหม่ การผลิต          และสินค้าคงคลัง เป็นต้น อย่างไรก็ดี ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหา         การขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต ราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการขนส่งสินค้าที่ล่าช้ามูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 28.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ 41.3จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 64ขยายตัวที่ร้อยละ 18.8จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ 35.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อนดุลการค้า เดือน ก.ค. 64ขาดดุลชะลอลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 94.5พันล้านดอลลาร์สหรัฐจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (22-28ส.ค. 64) อยู่ที่ 3.40แสนราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ที่ 3.54แสนราย ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 สะท้อนการฟืนตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ ยังเป็นระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ในสหรัฐฯ ที่อยู่ที่ 2 แสนราย อย่างไรก็ดี ต้องรอติดตามสถานการณ์ในเดือน ก.ย. 64 ที่โครงการสวัสดิการว่างงานจะสิ้นสุดลง และจะมีการเปิดภาคการศึกษาใหม่ ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐฯ

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
ดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม (NBS)เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 50.1 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.4 จุด เป็นผลจากกิจกรรมการผลิตในโรงงานที่ปรับตัวลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 63 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น และมาตรการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ดัชนี PMIภาคบริการ (NBS)เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 47.5จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 53.3จุด และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63เป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม (Caixin)เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 49.2 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.3จุด และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 63เนื่องจากการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมถึงปัญหาติดขัดด้านอุปทาน และต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นดัชนี PMIภาคบริการ (Caixin)เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 46.7จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 54.9 จุด ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ยอดค้าปลีก เดือน ก.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มสูงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากร้อยละ 0.1เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการบริโภคปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอัตราการว่างงาน เดือน ก.ค. 64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ของกำลังแรงงานรวม จาก ร้อยละ 2.9ของกำลังแรงงานรวม ในเดือน มิ.ย. 64 ดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 61.4 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้า ที่อยู่ที่ระดับ 62.8จุด อย่างไรก็ดี ระดับดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50จุด แสดงให้เห็นถึงภาคอุตสาหกรรมที่ยังขยายตัวอัตราการว่างงาน เดือน ก.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 7.6 ของกำลังแรงงานรวมลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 7.8และเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดนับแต่เดือน พ.ค. 63 อัตราเงินเฟ้อ (เบื้องต้น)เดือน ส.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.2เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาจากการที่เศรษฐกิจยูโรโซนฟืนตัวอย่างต่อเนื่องและปัจจัยฐานต่ำยอดค้าปลีก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 64โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้ คาดว่า โครงการแจก E-voucher5,000ดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อสนับสนุนการบริโภคในประเทศที่เริ่มแจกเมื่อวันที่ 1ส.ค. 64จะช่วยให้ยอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้นได้

เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ
ดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 40.2 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้า    ที่อยู่ที่ระดับ 45.1จุด เนื่องจากการกลับมาแพร่ระบาดโควิด-19ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้
ดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 52.1 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้า   ที่อยู่ที่ระดับ 56.7จุด
GDPไตรมาส 2 ปี 64 ขยายตัวร้อยละ 9.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น

การขยายตัวที่ร้อยละ 0.7เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว)ดุลการค้า เดือน ก.ค. 64 เกินดุลอยู่ที่ 12.11 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 11.1พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนก่อหน้า
GDPไตรมาส 2 ปี 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (หลังขจัดผลทางฤดูการแล้ว) และเป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 53เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำ รวมถึงได้รับแรงหนุนจากการส่งออก การบริโภคภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้นอัตราเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. 64 ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นระดับที่สูงสุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 60 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 7.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 11.5จากช่วงเดียวกันของปีก่อนดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 51.2 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 53.0 จุด ท่ามกลางผู้ติดเชื้อโควิด-19ที่เพิ่มสูงขึ้น และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบยอดค้าปลีก เดือน ก.ค. 64 ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 7.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 1.6จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมูลค่าการส่งออก เดือน ส.ค. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 34.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 29.6จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของสินค้าประเภทชิปและรถยนต์มูลค่าการนำเข้า เดือน ส.ค. 64 ขยายตัวร้อยละ 44.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 38.1จากช่วงเดียวกันของปีก่อนดุลการค้า เดือน ส.ค. 64เกินดุลที่ 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เกินดุลที่ระดับ 1.77พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16
เครื่องชี้เศรษฐกิจต่างประเทศ

ยดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 43.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนาหน้าที่อยู่ที่ระดับ 40.1จุดมดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 43.7 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ซอยู่ที่ระดับ 40.1จุดโอัตราเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ร้อยละ 1.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 1.5เนื่องจากราคาสินค้าในหมวดอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบเป็นสำคัญ

ดัชนี PMIภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 46.4 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้า          ที่อยู่ที่ระดับ 50.4จุดดัชนีฯ PMI ภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 58.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 59.7จุด เป็นผลจากผลผลิตและยอดคำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลงเป็นสำคัญ
เครื่องชี้ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนดัชนี SETปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยสอดคล้องกับ   ตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน เช่นNikkei225(ญี่ปุ่น) HSI(ฮ่องกง) และ DJIA(สหรัฐอเมริกา)เป็นต้น เมื่อวันที่ 2ก.ย. 64 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,647.75 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยระหว่างวันที่ 30 ส.ค. -2 ก.ย. 64อยู่ที่ 113,597.77 ล้านบาทต่อวันโดยนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนทั่วไปในประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ขายสุทธิทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 30ส.ค.-2 ก.ย. 64 ต่างชาติ ซื้อหลักทรัพย์สุทธิ 8,414.51ล้านบาทอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุต่ำกว่า 11ปี โดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง1ถึง 6bpsและพันธบัตรรัฐบาลอายุมากกว่า 11ปี โดยรวมปรับตัวลดลงในช่วง-1ถึง -3bpsโดยในสัปดาห์นี้นักลงทุนมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 4ปี ซึ่งมีนักลงทุนสนใจ 1.33เท่าของวงเงินประมูล ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 30ส.ค. -2ก.ย. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 19,886.28 ล้านบาทและหากนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 2ก.ย. 64 กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรสุทธิ 122,689.20ล้านบาทเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดย ณ วันที่ 2ก.ย. 64 เงินบาทปิดที่ 32.45บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.96จากสัปดาห์ก่อนหน้า สอดคล้องกับเงินสกุลเยน ยูโร ริงกิต วอน ดอลลาร์สิงคโปร์ และหยวน ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าเงินสกุลหลัก อื่น ๆ ในภูมิภาค ส่งผลให้ ดัชนีค่าเงินบาท (NEER)แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.53จากสัปดาห์ก่อน

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ