รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 30 มีนาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 30, 2009 11:41 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 30 มี.ค. 2552

SUMMARY:

1. ธปท.รับว่าความไม่สงบทางเมืองกระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ

2. คาดส่งออกชะลอหนักเหตุเศรษฐกิจ EU ไม่กระเตื้อง

3. นักเศรษฐศาสตร์กังวลมาตรการกอบกู้เศรษฐกิจทั่วโลกจะทำให้เงินเฟ้อพุ่ง

HIGHLIGHT:
1. ธปท.รับว่าความไม่สงบทางเมืองกระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึง ความไม่สงบทางเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่าจะทำให้มีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนและประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา การฟื้นฟูเศรษฐกิจได้นั้นจำเป็นต้องมีความเชื่อมั่น
  • ทั้งนี้ คาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(GDP) ในปี 2552 จะติดลบอย่างแน่นอน เนื่องจากภาคการส่งออกซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ของ GDP หดตัวลงมาก และแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท ที่เป็นมาตรการระยะยาวลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือจะเร่งสร้างการใช้จ่ายในประเทศก็ไม่น่าจะทำให้อัตราการขยายตัวของไทยในปี 52 เป็นบวกได้
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2552 คาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -2.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ -3.0 ถึง -2.0 ต่อปี) เนื่องจาก การส่งออกสินค้าหดตัวลงมาก ตามการหดตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย ทั้งนี้ บทบาทสำคัญในการชะลอการหดตัวของเศรษฐกิจไทย ขึ้นอยู่กับการเร่งรัดการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านรายจ่ายเพื่อการบริโภคและรายจ่ายเพื่อการลงทุนของภาครัฐ จากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบประมาณเพิ่มเติม 1.16 แสนล้านบาท และแผนการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 จะเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ภายในไตรมาส 4/52 ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวเป็นบวกในไตรมาสสุดท้ายของปี 52
2. คาดส่งออกชะลอหนักเหตุเศรษฐกิจ EU ไม่กระเตื้อง
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยในสหภาพยุโรปอย่างเนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี เป็นต้น ต่างเข้าสู่ภาวะถดถอยจากภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ปัญหาการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกดดันให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหภาพยุโรปลดลงจนแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษเมื่อเดือนก.พ. 52 ที่ผ่านมา และส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสหภาพยุโรปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหดตัวลงร้อยละ 28.2 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 19.4
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สหถาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยที่มีสัดส่วนถึงร้อยละ 12.0 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยสินค้าส่งออกหลักที่หดตัวลงมากในเดือนก.พ. 52 ได้แก่ สินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบที่หดตัวลงร้อยละ -28.3 และ -42.1 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี สินค้าส่งออกที่จำเป็นต่อการดำรงชีพเช่น สินค้าอาหาร อาหารแปรรูป ยังสามารถขยายตัวได้ดีอยู่ ทั้งนี้ สศค. คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 52 จะหดตัวร้อยละ -20.5 ต่อปี (โดยช่วงคาดการณ์ร้อยละ (-21.0) — (-20.0))
3. นักเศรษฐศาสตร์กังวลมาตรการกอบกู้เศรษฐกิจทั่วโลกจะทำให้เงินเฟ้อพุ่ง
  • อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กังวลว่านโยบายที่รัฐบาลทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐและอังกฤษจะชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่เกิดจากมาตรการกอบกู้เศรษฐกิจด้วยการให้ธนาคารกลางเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล (Quantitative Easing) นั้น อาจทำให้ทั้งโลกเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อสูงในอนาคตได้ โดยคาดว่าใน 3-5 ปีข้างหน้าอัตราเงินเฟ้อในประเทศทั้งสองอาจถึงร้อยละ 8-10 ได้ ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐและอังกฤษมีแผนจะเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐจำนวน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ
  • สศค. วิเคราะห์ว่าธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลกจำเป็นต้องทำ Quantitative Easing เนื่องจากเป็นการเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบหลังจากวิกฤตการเงินทำให้อัตราการหมุนของเงิน (Velocity) ต่ำลง และทำให้ทั่วโลกเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืด อย่างไรก็ตาม วิธีการดังกล่าวเสี่ยงต่อการเกิดเงินเฟ้อระดับรุนแรง (Hyperinflation) หากธนาคารกลางไม่สามารถดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบได้ทันหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนั้น วิธีการดังกล่าวอาจทำให้ตลาดเงินตลาดทุนมีความผันผวนสูงได้ เนื่องจากหากเศรษฐกิจดีขึ้น ธนาคารกลางจะต้องขึ้นดอกเบี้ยในระดับสูงมากเพื่อคุมเงินเฟ้อ ซึ่งจะกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนและผลตอบแทนสินทรัพย์ต่าง ๆ

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ