รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 14, 2010 11:46 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 14 พ.ค. 2553

Summary:

1. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยปรับลดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 52

2. ต่างชาติยื่นขอบีโอไอในไตรมาสแรกขยายตัวกว่าร้อยละ 230

3. ค่าเงินยูโรยังคงอ่อนค่าลงจากความกังวลปัญหาหนี้สาธารณะ

Highlight:
1. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยปรับลดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 52
  • มหาลัยหอการค้าไทยประกาศตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ในเดือนเม.ย. 53 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 52 ที่ 67.2 จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 69.8 จากปัญหาด้านความไม่สงบทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลเชิงลบต่ออารมณ์ผู้บริโภคและการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อต่อไปอีกนั้น การบริโภคภาคเอกชนจะยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 53 นี้
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การบริโภคภาคเอกชนซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของ GDP ดังนั้น หากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองมีความยืดเยื้อ ก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าว ทั้งนี้ สศค. คาดว่า การบริโภคภาคเอกชนทั้งปี 53 จะขยายตัวร้อยละ 4.3 ต่อปี ซึ่งหากสถานการณ์ทางการเมืองสิ้นสุดลงภายในไตรมาส 2 นั้น การบริโภคภาคเอกชนจะหดตัวจากที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้นที่ร้อยละ -0.58 ในขณะที่หากการชุมนุมยืดเยื้อออกไปถึงไตรมาส 3 จะส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวจากที่คาดการไว้เบื้องต้นร้อยละ -1.17
2. ต่างชาติยื่นขอบีโอไอในไตรมาสแรกขยายตัวกว่าร้อยละ 230
  • เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมสนับสนุนรวม 108 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุน 2.56 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าในแง่ของจำนวนโครงการร้อยละ 47 และในแง่ของมูลค่ากว่าร้อยละ 230 โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนโลหะและเครื่องจักร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยางและพลาสติก ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ไทยมีโอกาสขยายตลาดชิ้นส่วนไปต่างประเทศค่อนข้างมาก จาผลของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา)
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เห็นได้จากกการนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัวถึงร้อยละ 24.1 ต่อปีหลังจากหดตัวร้อยละ -1.6 ต่อปีในไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ยังมีการขยายตัวเร่งขึ้นมากถึงร้อยละ 57.9 ต่อปี ด้านธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ก็มีการเร่งขึ้นสูงมาก โดยดูได้จากตัวเลขภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เร่งขึ้นมากไตรมาสแรกที่ร้อยละ 63.5 ต่อปี บ่งชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวชัดเจน และสศค.คาดว่าในปี 53 การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวถึงร้อยละ 8.2 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 7.7 — 8.7คาด ณ เดือน มี.ค. 53)
3. ค่าเงินยูโรยังคงอ่อนค่าลงจากความกังวลปัญหาหนี้สาธารณะ
  • ค่าเงินยูโรยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ระดับ 1.2585 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากความกังวลว่ารัฐบาลของกลุ่มประเทศในกลุ่ม PIGS นั้นอาจไม่สามารถลดการขาดดุลทางการคลังได้มากพอ แม้ว่าทางสหพันธ์ยุโรป (EU) จะได้จัดตั้งงบช่วยเหลือเป็นมูลค่าสูงถึง 750 พันล้านยูโรเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดและนักลงทุนแล้วก็ตาม
  • สศค. วิเคราะห์ว่าความไม่เชื่อมั่นต่อการลงทุนในในกลุ่มยุโรปซึ่งได้ส่งผลให้ค่าเงินยูโรนั้นมีแนวโน้มอ่อนค่าลงมาจากความไม่เชื่อมั่นต่อสถานะทางการคลังของรัฐบาลโดยเฉพาะในประเทศกรีซ ซึ่งถูกมองว่าจะยืดเยื้อและอาจลุกลามไปสู่ประเทศสเปนและโปรตุเกส และในขณะเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อประเทศฝรั่งเศส เยอรมัน และอังกฤษซึ่งเป็นผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลของประเทศในกลุ่ม PIGS อีกทั้งข้อบังคับตามสิทธิสัญญา Maastricht กำหนดให้ประเทศที่ขอเงินช่วยเหลือทางด้านการคลังลดภาระการขาดดุลลง จึงอาจส่งผลให้เกิดความไม่สงบทางการเมืองในประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะเหมือนดั่งที่ได้เกิดขึ้นกับประเทศกรีซในช่วงต้นเดือน พ.ค. 53 ได้

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ