สศอ. เผย MPI เดือนสิงหาคม ขยายตัวร้อยละ 3.74 ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 3, 2017 14:47 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวร้อยละ 3.74 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่งสัญญาณการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยโดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวก ได้แก่ เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และน้ำมันปิโตรเลียม

นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนสิงหาคม ขยายตัวขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.74 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.77 เมื่อเทียบจากเดือนก่อนส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 8 เดือนแรกของปี 2560 ขยายตัวร้อยละ 1.00 ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำแท่ง) ที่ขยายตัวถึง ร้อยละ 8.50 รวมถึงการนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัวร้อยละ 6.10 และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 9.20 โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI ได้แก่ เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และน้ำมันปิโตรเลียม

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีการขยายตัว ได้แก่

เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.39 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตในประเทศเพื่อตอบสนองการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มประเทศ AEC (อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์)

รถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผลิตภัณฑ์รถปิคอัพและรถยนต์นั่งความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,800 cc. เนื่องจากผู้ผลิตบางรายมีเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และมีงานมหกรรมรถยนต์ Big motor sale กระตุ้นตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.83 ส่วนการส่งออกรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้น จากรถปิคอัพที่ส่งออกไปในตลาดกลุ่มอาเซียน

ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.74 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ยางแผ่น โดยในปีนี้วัตถุดิบ (น้ำยาง) ออกสู่ตลาดมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ฝนตกตลอดปีส่งผลให้ต้นยางสมบูรณ์เต็มที่ รวมถึงหลายบริษัททำการขยายตลาดใหม่ได้มากขึ้น

ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.51 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในผลิตภัณฑ์ PCBA รองลงมาเป็นสินค้า Other ICs เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นไปตามเทรนด์เทคโนโลยี IOT ที่เติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจากปีก่อน

น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันเครื่องบิน เนื่องจากในปีก่อนโรงกลั่นมีการซ่อมบำรุงบางส่วน ทำให้กำลังการผลิตในสินค้าดังกล่าวของปีก่อนลดลง แต่ในปีนี้สามารถกลั่นได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตามยังมีบางอุตสาหกรรมที่หดตัว ได้แก่

เครื่องประดับ ปรับตัวลดลงร้อยละ 40.21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากนโยบายการคืนสินค้าจากแฟรนไชส์ในสหรัฐฯ สภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนและภัยก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในหลายประเทศที่ส่งผลให้ผู้สั่งซื้อชะลอการนำเข้า

เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ปรับตัวลดลงร้อยละ 28.84 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค

เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากประสบปัญหาเหล็กแผ่นเคลือบนำเข้าราคาถูกเข้ามาตีตลาดจำนวนมาก ถึงแม้ว่าราคาเหล็กจะมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น แต่ความต้องการใช้เหล็กเส้นเพื่อการก่อสร้างกลับมีน้อยลง เนื่องจากฝนที่ยังตกชุกในทุกภูมิภาคที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าด้วย

การปั่นเส้นใยสิ่งทอ ปรับตัวลดลงร้อยละ 14.44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดในประเทศประสบปัญหาการนำเข้าสินค้าราคาถูกมาจำหน่ายมากขึ้น ส่วนการส่งออกจะมีผู้ผลิตที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มอาเซียนซึ่งได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ในการส่งออกไปยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้สินค้ามีราคาถูกกว่า

--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ