รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนพฤษภาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 17, 2009 14:32 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สรุปประเด็นสำคัญ

ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนเมษายน 2552
  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2552 ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2552 นอกจากนี้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับจากเดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นมา คือ ลดลงร้อยละ 12.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2551 โดยดัชนีผลผลิตมีการลดลงในเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหลักที่มีการส่งออกมาก ได้แก่ การผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ Hard Disk Drive ดัชนีผลผลิตลดลงร้อยละ 43.8 , ร้อยละ 24.1 และร้อยละ 4.2 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนเมษายนปรับตัวลดลงจากเดือนมีนาคมนั้นเป็นปกติในทุกปี เนื่องจากเดือนเมษายนมีวันหยุดสงกรานต์หลายวัน โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีวันหยุดต่อเนื่องมากกว่าในปีที่ผ่านมา
  • อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยในเดือนเมษายน 2552 อยู่ที่ระดับร้อยละ 51.4 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ หากพิจารณาเป็นรายสาขาอุตสาหกรรมจะพบว่า อุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 50

ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนพฤษภาคม 2552

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

-แนวโน้มการผลิตในระยะ 2-3 เดือนถัดไปจะยังคงทรงตัวหรือติดลบเล็กน้อย รวมถึงการส่งออกสิ่งทอที่เป็นผ้าผืน เนื่องจากผลกระทบต่อเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่มีคำสั่งซื้อลดลง สำหรับการจำหน่ายโดยเฉพาะกลุ่มเคหะสิ่งทอ ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ ยังมีศักยภาพในการส่งออก ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องพัฒนาเส้นใยให้มีคุณสมบัติพิเศษและมีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วย ซึ่งยังเป็นที่ต้องการในตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

  • แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยยังคงมีโอกาสขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยประเทศที่มีความน่าสนใจที่จะทำการขยายตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ ได้แก่ บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลาว เป็นต้น เพราะภาคก่อสร้างในประเทศบาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการเติบโตอย่างมาก สำหรับประเทศลาว มีโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า และโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ อีกทั้งต้นทุนค่าขนส่งสินค้าระหว่างไทยและลาวมีราคาไม่สูงและมีเส้นทางคมนาคมขนส่งหลายสาย

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤษภาคม 2552 พบว่า สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมปรับตัวลดลงร้อยละ 21.26 โดยการปรับตัวลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงเช่นกัน จากการปรับตัวลดลงของอุตสาหกรรม HDD และชิ้นส่วน IC ซึ่งประมาณการว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 4.64 และ 24.85 เป็นต้น ซึ่งเป็นการปรับลดลงที่น้อยกว่าในเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาและมีสัญญาณที่ดีในการจ้างงานที่อาจมีการปรับเพิ่มขึ้น

สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม

  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

มี.ค. 52 = 159.7

เม.ย. 52 = 146.7

โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลง ได้แก่

  • Hard Disk Drive
  • เบียร์
  • น้ำตาล
  • อัตราการใช้กำลังการผลิต

มี.ค. 52 = 54.7

เม.ย. 52 = 51.4

โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่

  • ยานยนต์
  • ผลิตภัณฑ์ยาง
  • เบียร์
1.อุตสาหกรรมอาหาร

ภาวะการผลิตและมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง สำหรับการจำหน่ายในประเทศจะยังขยายตัวได้เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเช็คช่วยชาติของรัฐบาล ทำให้ประชาชนเพิ่มปริมาณการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

1. การผลิต

ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) เดือนเมษายน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.7 แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.6 แบ่งเป็น

กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น ข้าวโพดฝักอ่อนกระป๋อง และสับปะรดกระป๋อง มีปริมาณการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 90.8 และ 64.5 จากวัตถุดิบออกสู่ตลาดลดลง ส่วนกุ้งแช่เย็นแช่แข็งและทูน่ากระป๋อง มีการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.7 และ 1.3 จากคำสั่งซื้อของต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น น้ำมันปาล์ม มีปริมาณการกลั่นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 10.4 และ 21.4 ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองมีการผลิตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 32.7 เนื่องจากราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกลดลง

2. การตลาด

1) ตลาดในประเทศ เดือนเมษายน สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยจากมาตรการแจกเช็คช่วยชาติของรัฐบาลแต่ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 2.6 จากผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

2) ตลาดต่างประเทศ เดือนเมษายน มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหารในรูปเงินบาท (ไม่รวมน้ำตาล) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 0.1 เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนมูลค่าการส่งออกโดยรวมลดลงร้อยละ 4.2

3. แนวโน้ม

การผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง แต่ยังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การส่งออกในผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่อิงตลาดสหรัฐอเมริกาอาจยังไม่ฟื้นตัวจากการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของตลาดอื่นๆ ทั่วโลก สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากมาตรการแจกเช็คช่วยชาติของรัฐบาลเป็นการกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้น

2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

...กลุ่มเคะหะสิ่งทอ เส้นใยประดิษฐ์ และด้ายเส้นใยประดิษฐ์ ยังมีศักยภาพในการส่งออก...

1. การผลิต

ภาวะการผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอในเดือนเมษายน 2552 ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอฯ (-3.4%) ผ้าผืน(-12.6%)เครื่องนอนฯ (-3.2%) และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ (-2.8%) และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์สิ่งทอปรับตัวลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เส้นใยสิ่งทอฯ (-18.0%), ผ้าทอ (-25.6%) เครื่องนอนฯ(-15.2%), เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถัก (-19.1%) เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ (-9.1%) สาเหตุหลักที่ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์สิ่งทอปรับตัวลดลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักและภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ลูกค้าชะลอคำ สั่งซื้อและลดปริมาณนำ เข้าสินค้าแบรนด์เนมลงโดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา

2. การจำหน่าย

การจำหน่ายในประเทศ เดือนเมษายน 2552 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่เสื้อเชิ้ต/เบลาส์สตรีและเด็กหญิง ยังมีความต้องการบริโภคสูงมาก เนื่องจากมีการนำเข้าค่อนข้างมากจากประเทศกัมพูชา

การส่งออก เดือนเมษายน 2552 ผลิตภัณฑ์สิ่งทอปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.6 ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์กลางน้ำและปลายน้ำอาทิ ผ้าผืน (-5.3%), ผ้าปัก ผ้าลูกไม้ (-10.5%) และเสื้อผ้าสำเร็จรูป(-9.9%) สำหรับผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ อาทิ ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เส้นใยประดิษฐ์ ยังมีการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 และ14.0 ตามลำดับเช่นเดียวกับกลุ่มเคหะสิ่งทอ ที่ยังส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้และตะวันออกกลาง และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการส่งออกสิ่งทอปรับตัวลดลงร้อยละ 16.2 ซึ่งปรับลดลงในประเทศส่งออกทั้งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ยกเว้นตลาดอาเซียน ที่ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

3. แนวโน้ม

แนวโน้มการผลิตในระยะ 2-3 เดือนถัดไปจะยังคงทรงตัวหรือติดลบเล็กน้อย รวมถึงการส่งออกสิ่งทอที่เป็นผ้าผืน เนื่องจากผลกระทบต่อเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่มีคำสั่งซื้อลดลง สำหรับการจำหน่ายโดยเฉพาะกลุ่มเคหะสิ่งทอ ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ ยังมีศักยภาพในการส่งออก ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องพัฒนาเส้นใยให้มีคุณสมบัติพิเศษและมีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วย ซึ่งยังเป็นที่ต้องการในตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

จากข้อมูลของสถาบันเหล็กนานาชาติ พบว่า การผลิตเหล็กดิบของโลกจาก 66 ประเทศในเดือนเมษายนมีปริมาณอยู่ที่ 89.5 ล้านตัน ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 3 และลดลง ร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยผลผลิตในเดือนเมษายนจากประเทศญี่ปุ่นไต้หวัน เกาหลีและจีน ลดลงมากถึง ร้อยละ 43 ร้อยละ 40 ร้อยละ 10 และร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้นประเทศอินเดียที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

1.การผลิต

ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนเมษายน 2552 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ขยายตัวขึ้น ร้อยละ 4.82 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 94.53 เมื่อพิจารณาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว พบว่า ดัชนีผลผลิตลดลง ร้อยละ 27.61 โดยเป็นผลมาจากการลดลงของการผลิตเหล็กเส้นกลม ลดลง ร้อยละ 37.16 รองลงมาคือเหล็กเส้นข้ออ้อยและเหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 29.40 และ 28.76 ตามลำดับเนื่องจากความต้องการของธุรกิจในกลุ่มก่อสร้างที่ลดลง สำหรับเหล็กทรงแบน พบว่า ดัชนีผลผลิต เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.20 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กแผ่นรีดร้อนเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 73.36 เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีคำสั่งซื้อน้อย จึงทำให้ผู้ผลิตใช้วิธีลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขายให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น สำหรับเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 58.86 โดยเป็นการผลิตเพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อเท่านั้น ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลงถึง ร้อยละ 32.21 โดยเหล็กทรงยาว มีการผลิตที่ลดลง ร้อยละ 50.71 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตลดลงมากที่สุด ได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลง ร้อยละ 57.76 และลวดเหล็กแรงดึงสูง ลดลง ร้อยละ 56.21 สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่ลดลง ร้อยละ 21.79 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ลดลง ร้อยละ 63.67 และเหล็กแผ่นรีดเย็น มีการผลิตที่ลดลง ร้อยละ 57.66

2.ราคาเหล็ก

การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2552 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กสำ คัญที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น คือเหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 398 เป็น 432 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.60 เหล็กแท่งเหล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 350 เป็น 365 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.29 เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 349 เป็น 358 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.53 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาทรงตัว คือ เหล็กแท่งแบน มีราคา 310 เหรียญสหรัฐต่อตัน และผลิตภัณฑ์ที่มีราคาลดลง คือ เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลง จาก 420 เป็น 410 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 2.38

3. แนวโน้ม

สถานการณ์เหล็กในเดือนพฤษภาคม 2552 คาดว่าในส่วนของการผลิตในกลุ่มเหล็กทรงยาวจะยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจึงทำให้ความต้องการของผู้ใช้ในธุรกิจก่อสร้างลดลง ประกอบกับผู้ผลิตยังคงสต๊อกเก่าอยู่ ในขณะที่เหล็กทรงแบนเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนคาดว่าการผลิตจะทรงตัวเนื่องจากสถานการณ์การผลิตของอุตสาหกรรมต่อเนื่องยังคงชะลอตัวอยู่

4. อุตสาหกรรมยานยนต์

รถยนต์

อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนเมษายน 2552 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทยในขณะที่ภายในประเทศก็ประสบปัญหากับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง และมีเทศกาลวันหยุดยาวหลายวัน โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนเมษายนดังนี้

  • การผลิตรถยนต์ จำนวน 53,644 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีการผลิต 97,453 คัน ร้อยละ 44.95 และมีปริมาณการผลิตรถยนต์ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ร้อยละ 18.04
  • การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 39,713 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีการจำหน่าย 54,479 คัน ร้อยละ 27.10 และมีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ร้อยละ 3.91
  • การส่งออกรถยนต์ จำนวน 28,663 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีการส่งออก 52,900 คัน ร้อยละ 45.82 ซึ่งเป็นการลดลงในทุกตลาดส่งออก ยกเว้นตลาดตะวันออกกลางที่มีการขยายตัวร้อยละ 9 และมีปริมาณการส่งออกรถยนต์ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ร้อยละ 35.94
  • แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม2552 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2552 สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2552 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 51 และส่งออกร้อยละ 49

รถจักรยานยนต์

อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนเมษายน 2552 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 เนื่องจากมีปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรซึ่งเป็นตลาดหลักของรถจักรยานยนต์มีกำลังซื้อน้อยลง โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนเมษายน ดังนี้

  • การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 114,356 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีการผลิต 147,404 คัน ร้อยละ 22.42 และมีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ร้อยละ 9.37
  • การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 105,066 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีการจำหน่าย 130,795 คัน ร้อยละ 19.67 และมีปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ร้อยละ 17.19
  • การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป จำนวน 13,657 คันเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีการส่งออก 11,632 คันร้อยละ 17.41 แต่มีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ร้อยละ 21.36
  • แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2552 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2552 เนื่องจากมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวันสำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2552ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 93 และส่งออกร้อยละ 7
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

“อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังคงซบเซา สาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สำหรับการส่งออกถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทยยังมีโอกาสขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น”

1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ เดือนเมษายน 2552 เทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 17.31 และ 17.74 ตามลำดับ เนื่องจากในเดือนเมษายนมีช่วงหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงร้อยละ 4.80 และ 5.12 ตามลำดับ ตามภาวะของธุรกิจการก่อสร้างที่ยังคงซบเซา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชน อาจทำให้ชะลอการลงทุนออกไป ทั้งทางด้านผู้บริโภคเองเมื่อต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ก็ทำให้ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคของภาครัฐขาดความต่อเนื่องเนื่องจากปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง

2.การส่งออก

มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนเมษายน 2552 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.26 และ 30.33 ตามลำดับ ตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย คือ บังคลาเทศ กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนามและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นประเทศกำลังพัฒนายังมีความจำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์เนื่องจากมีกิจกรรมการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

3.แนวโน้ม

การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายน 2552 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในเดือนพฤษภาคม ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคของภาครัฐก็ยังไม่มีโครงการใหม่เกิดขึ้นสำหรับการส่งออก ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวแต่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยยังคงมีโอกาสขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยประเทศที่มีความน่าสนใจที่จะทำการขยายตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ ได้แก่ บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลาว เป็นต้น เพราะภาคก่อสร้างในประเทศบาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการเติบโตอย่างมาก สำหรับประเทศลาว มีโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า และโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ อีกทั้งต้นทุนค่าขนส่งสินค้าระหว่างไทยและลาวมีราคาไม่สูงและมีเส้นทางคมนาคมขนส่งหลายสาย

6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
  • แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤษภาคม 2552 พบว่า สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมปรับตัวลดลงร้อยละ 21.26 โดยการ.."ปรับตัวลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์ส่วนอุตสาหกรรม.." อิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงเช่นกัน จากการปรับตัวลดลงของอุตสาหกรรม HDD และชิ้นส่วน IC ซึ่งประมาณการว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 4.64 และ 24.85 เป็นต้น ซึ่งเป็นการปรับลดลงที่น้อยกว่าในเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาและมีสัญญาณที่ดีในการจ้างงานที่อาจมีปรับเพิ่มขึ้น

1.การผลิต

ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนเมษายน 2552 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวลดลงร้อยละ 11.20 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนปรับตัวลดลงร้อยละ 5.95 เนื่องจากเป็นการปรับตัวลดลงส่วนหนึ่งจากการปรับตัวของฤดูกาล แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะพบว่าเกิดจากการชะลอลงของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเป็นส่วนใหญ่ แต่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในอัตราน้อยลง อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับตัวลดลงร้อยละ 29.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 91.79 และเมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.37 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนของเครื่องปรับอากาศ สายไฟฟ้า เป็นต้น สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.79โดยมีดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 358.89 และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนปรับตัวลดลง ร้อยละ 6.93

2. การตลาด

มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนเมษายน 2552 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 4.09 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวลดลง ร้อยละ 19.63 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ 3,032.62 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สูงที่สุดได้แก่เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย โรงงานมีมูลค่าการส่งออก 205.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุด คือ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า 1,109.62 ล้านเหรียญสหรัฐ

3. แนวโน้ม

แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤษภาคม 2552 พบว่า สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมปรับตัวลดลงร้อยละ 21.26 โดยการปรับตัวลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงเช่นกัน จากการปรับตัวลดลงของอุตสาหกรรม HDD และชิ้นส่วน IC ซึ่งประมาณการว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 4.64และ 24.85 เป็นต้น ซึ่งเป็นการปรับลดลงที่น้อยกว่าในเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาและมีสัญญาณที่ดีในการจ้างงานที่อาจมีการปรับเพิ่มขึ้น

ตารางที่ 1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการ

---------------- ส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน เม.ย. 2552 -----------------

           เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์             มูลค่า             %MoM             %YoY
           อุปกรณ์คอมพิวเตอร์                   1,109.62           -5.07           -20.69
           IC                                 466.92           -6.57           -10.94
           เครื่องปรับอากาศ                      205.92          -12.71           -31.75
           เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า                     113.25          -15.09           -19.18
           รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์      3,032.62           -4.09           -19.63

ที่มา กรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนเมษายน 2552 มีค่า 146.7 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 (159.7) ร้อยละ 8.2 และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (168.3) ร้อยละ 12.8

  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2552 ได้แก่ Hard Disk Drive เบียร์ น้ำตาล ยานยนต์ เครื่องประดับ
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ น้ำมันปิโตรเลียม Hard Disk Drive โทรทัศน์สี

อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเมษายน 2552 อยู่ที่ระดับร้อยละ 51.4 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 (ร้อยละ 54.7) และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (ร้อยละ 60.9)

  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ได้แก่ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เบียร์ น้ำมันปิโตรเลียม น้ำตาล เป็นต้น
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive ด้ายฝ้ายบริสุทธิ์ โพลีเอสเตอร์ เหล็กเส้นกลม เหล็กเส้นข้ออ้อย เหล็กลวด เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นรีดเย็น น้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2552

ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2552 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 263 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 288 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 8.68 มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 4,878.07 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งมีการลงทุน 9,104.39 ล้านบาท ร้อยละ 46.42 และการจ้างงานรวมมีจำนวน 4,934 คน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2552 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 7,070 คน ร้อยละ 30.21

ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 320 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 17.81 มียอดเงินลงทุนรวมลดลงจากเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีการลงทุน 13,867.85 ล้านบาท ร้อยละ 64.82 และมีการจ้างงานรวมลดลงจากเดือนเมษายน 2551 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 7,676 คน ร้อยละ 35.72

  • อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนเมษายน 2552 คืออุตสาหกรรมขุดตักดิน 17 โรงงาน และอุตสาหกรรมผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ จำนวน 14 โรงงาน
  • อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนเมษายน 2552 คือ อุตสาหกรรม ผลิตยารักษาโรคแผนปัจจุบัน ชนิดเม็ด เงินทุน 920.82 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรม กลึงและเชื่อมโลหะทั่วไป เงินลงทุน 918.58 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนเมษายน 2552 คือ อุตสาหกรรม ตัดเย็บเสื้อผ้าสำ เร็จรูป จำ นวนคนงาน 634 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรม ผลิตดอกไม้แห้ง ดอกไม้ประดิษฐ์ เครื่องหอม ของชำร่วย จำนวนคนงาน 561 คน

ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2552 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 114 ราย น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 145 ราย คิดเป็นร้อยละ 21.38 มีเงินทุนของการเลิกกิจการจำนวน 1,309.28 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2552 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 2,614.79 ล้านบาท และมีการเลิกจ้างงานจำนวน 2,905 คน น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 3,977 คน

ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการน้อยกว่าเดือนเมษายน 2551 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 211 ราย คิดเป็นร้อยละ 45.97 มีเงินทุนของการเลิกกิจการน้อยกว่าเดือนเมษายน 2551 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,524.37 ล้านบาท และมีการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนเมษายน 2551 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 5,159 คน

  • อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนเมษายน 2552 คืออุตสาหกรรมทำเครื่องเรือนจากไม้ ยาง อโลหะอื่น ซึ่งมิได้ทำจากพลาสติกอัดเข้ารูปจำนวน 13 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ จำนวน 8 ราย
  • อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนเมษายน 2552 คืออุตสาหกรรมสร้าง ดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ จักรยานสามล้อ สองล้อ เงินทุน 466 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำชิ้นส่วนพิเศษสำหรับรถยนต์หรือรถพ่วง เงินทุน 107 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนเมษายน 2552 คือ อุตสาหกรรมถนอมสัตว์น้ำโดยวิธีอบ รมควัน ใส่เกลือ ดอง ตากแห้ง เยือกแข็ง เหือดแห้ง คนงาน 512 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้าเนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์ คนงาน 262 คน

ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนเมษายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2552 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 71 โครงการ น้อยกว่าเดือนมีนาคม 2552 ที่มีจำนวน 112 โครงการ ร้อยละ 36.61 แต่มีเงินลงทุน 35,900 ล้านบาท มากกว่าเดือนมีนาคม 2552 ที่มีเงินลงทุน 26,900 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 33.46

ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนเมษายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.น้อยกว่าเดือนเมษายน 2551 ที่มีจำนวน 99 โครงการ ร้อยละ 28.28 และมีเงินลงทุนน้อยกว่าเดือนเมษายน 2551 ที่มีเงินลงทุน 93,400 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 61.56

  • การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม - เมษายน 2552
              การร่วมทุน             จำนวน(โครงการ)   มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
          1.โครงการคนไทย 100%             94              28,000
          2.โครงการต่างชาติ 100%           111              13,800
          3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ      79              26,900
  • ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม - เมษายน 2552 คือ หมวดบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 25,400 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดเกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 16,200 ล้านบาท

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ