กระทรวงศึกษาธิการ จับมือ ออมสิน ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตครู

ข่าวทั่วไป Thursday March 1, 2007 14:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ธ.ออมสิน
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง “การพัฒนาชีวิตครูสำหรับครูที่ได้รับเงินวิทยฐานะ” ระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ กับ ธนาคารออมสิน ณ ห้องประชุมกระทรวง ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานลงนามร่วมกับ นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เพื่อให้วัตถุประสงค์ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยหน่วยงานทั้ง 2 แห่งได้บรรลุไปสู่การปฏิบัติที่แท้จริง
นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบจัดสรรเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ด้วยการเพิ่มเงินวิทยฐานะ เพื่อให้นโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของรัฐบาลสัมฤทธิ์ผล พร้อมกับได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสินที่เข้ามามีส่วนร่วมในการให้สินเชื่อควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต อันจะทำให้การดำรงชีวิตตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีประสิทธิภาพ
“ปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะถูกขจัดให้หมดไปได้ หากได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องและถูกวิธี และจำเป็นต้องมีการสร้างความรู้ความเข้าใจการบริหารเงิน เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก ควบคู่กับการแก้ไขที่หัวใจของปัญหาจริงๆ คือ การมีวินัยทางการเงิน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการและธนาคารออมสินได้ร่วมคิดร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตครูให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิผล” นายวิจิตร กล่าว
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาถือเป็นหัวใจของการศึกษา เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาการศึกษาอันนำไปสู่การพัฒนาประเทศโดยรวม จึงนับว่าเป็นโอกาสดีที่ธนาคารออมสินได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้รากฐานการศึกษาของชาติมีความแข็งแกร่งมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยธนาคารออมสินได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วยการให้สินเชื่อเพื่อการพัฒนาชีวิตครูสำหรับครูที่ได้รับเงินวิทยฐานะ ซึ่งข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการเมื่อผ่านการรับรองคุณสมบัติในหนังสือผ่านสิทธิที่หน่วยงานต้นสังกัดออกให้กับธนาคารออมสินแล้ว สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารออมสินสาขาใดก็ได้ทั่วประเทศ
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการนั้น จะต้องมีกิจกรรมออมเงินตลอดอายุสัญญาการกู้ ซึ่งเงินกู้นี้สามารถนำไปชำระหนี้สินต่างๆ ที่มีหลักฐานชัดเจน เช่น เงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ เงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งของรัฐ และ ธนาคารพาณิชย์ หนี้สวัสดิการร้านค้า หนี้สวัสดิการครูฯ เป็นต้น โดยธนาคารออมสินจะให้วงเงินกู้ตามเงินวิทยฐานะที่ได้รับ วงเงินกู้ตั้งแต่ไม่เกิน 250,000 บาท จนถึงสูงสุดไม่เกิน 700,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR หรือร้อยละ 7.75 ต่อปี โดยที่ธนาคารจะคิดค่างวดการส่งชำระต่อเดือนไม่เกินร้อยละ 90 ของเงินวิทยฐานะที่ได้รับ
“เนื่องจากครูก็เหมือนบุคคลทั่วไป การมีหนี้สินจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งนับจากนี้ไปปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไขให้หมดสิ้นไป เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อรากฐานการศึกษาของชาติต่อไป” นายกรพจน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การให้สินเชื่อดังกล่าวธนาคารออมสินยังดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาสมาชิกโครงการพัฒนาชีวิตครู โดยการจัดการอบรมภายใต้หลักสูตร “กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการตามโครงการพัฒนาชีวิตครู ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้และถ่ายทอดให้กับสมาชิกในพื้นที่ของตนเองเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ซึ่งได้มีผู้ผ่านการอบรมแล้วจำนวน 2 รุ่น รวม 151 คน และจะยังคงพัฒนาตามโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการให้บริการด้านการเงินแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตั้งแต่ปี 2543 ภายใต้ โครงการพัฒนาชีวิตครู เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ความเข้าใจด้านการเงินและการออมอย่างถูกวิธี ทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปในการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น การออมเงินภายในกลุ่ม มีการจัดทำแผนการในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งภายในกลุ่ม ส่งผลให้ได้รับการพิจารณาสินเชื่อจากธนาคาร โดยปัจจุบันมีจำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นสมาชิกโครงการนี้จำนวนทั้งสิ้น 88,174 ราย มีเงินออมรวมกัน 382 ล้านบาท และรับสินเชื่อไปแล้ว 74,779 ราย คิดเป็นยอดเงินรวม 64,120 ล้านบาท
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ