กรุงศรีชู 4 แนวทางบริหารความมั่งคั่ง เน้นการให้บริการอย่างครบวงจร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 27, 2014 15:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดยธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ประกาศแผนและกลยุทธ์ธุรกิจในปี 2557 โดยจะมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับขั้นตอนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองต่อลูกค้าให้รวดเร็วขึ้น และการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายและตัดสินใจลงทุนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาด พร้อมมั่นใจการสนับสนุนของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) จะช่วยต่อยอดการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเงินฝาก การลงทุน ประกันภัย และธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้น มีการกระจายความมั่งคั่งสู่หัวเมืองในต่างจังหวัดมากขึ้น และเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น ขณะเดียวกันคนไทยก็มีทางเลือกในการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองมากขึ้นนอกจากการฝากเงินอย่างเดียว ทั้งการลงทุนในตลาดทุน หุ้นกู้ตราสารหนี้ ประกันชีวิตและกองทุนรวม ดังนั้นเพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายนี้ การพัฒนาแผนการดำเนินธุรกิจของเราจึงมุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer centric) ทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถนำเสนอบริการที่สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะสามารถต่อยอดความมั่งคั่งให้กับลูกค้า และส่งผลให้ธนาคารเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” ในปี 2557 นี้ เราได้กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งโดยแบ่งได้เป็น 4 แนวทาง ได้แก่ 1) การบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน 2) เพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรม 3) ปรับขั้นตอนการทำงานเพื่อความรวดเร็วในการให้บริการ และ 4) บริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายและตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสมแม่นยำ นายกฤษณ์ กล่าวว่า “การบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน จะเป็นแนวทางที่มุ่งบริหารต้นทุนเงินฝากอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ต่างๆ เช่น บัญชีออมทรัพย์จัดให้ ที่เน้นฟรีค่าธรรมเนียมการจ่ายบิลซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก โดยปัจจุบันมีทั้งสิ้นกว่า 800,000 บัญชี และยังมีลูกค้ามาเปิดบัญชีใหม่อย่างต่อเนื่อง ประโยชน์ดีๆที่ลูกค้าได้รับจากผลิตภัณฑ์ของเราสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและทำให้ลูกค้าอยู่กับเราอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เราบริหารจัดการต้นทุนเงินฝากได้อย่างดี” แนวทางที่สอง เพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรม โดยการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กร ลูกค้าเอสเอ็มอี และกลุ่มลูกค้ารายย่อย ภายใต้กลยุทธ์นี้ เราจะดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร โดยลูกค้าที่เป็นองค์กรจะให้บริการด้านบัญชีเงินเดือน (Payroll) การบริหารสภาพคล่อง ขณะที่พนักงานขององค์กรนั้นๆ จะได้รับการนำเสนอบริการแบบ Total Financial Solution ทั้งด้านเงินฝาก การออมและการลงทุน สินเชื่อบ้านและสินเชื่อบุคคล รวมถึงการโอนเงินและการชำระเงินผ่านช่องทางสาขา อินเตอร์เน็ต หรือโมบายแบงก์กิ้ง การดำเนินการเช่นนี้จะทำให้เรามีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งขึ้น และสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมได้เพิ่มขึ้น แนวทางที่สาม ปรับขั้นตอนการทำงานเพื่อความรวดเร็วในการให้บริการ เช่น ขั้นตอนในการอนุมัติผลิตภัณฑ์ด้านการประกัน เพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการพิจารณา ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อให้ขบวนการอนุมัติทำงานไปพร้อมกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดระยะเวลาลงเหลือเพียง 1 วันหลังจากยื่นใบสมัครเข้ามา “การจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายและตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสมแม่นยำ จะเป็นแนวทางหลักสุดท้ายของเรา เพราะกรุงศรีมองว่าทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนมีความหลากหลาย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ลูกค้ามีทางเลือกที่จะลงทุนมากขึ้น นอกเหนือจากการฝากเงินเพียงช่องทางเดียว โดยปัจจุบันจะเห็นว่าลูกค้าได้มีการกระจายเงินฝากไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มมากขึ้นทั้ง หุ้น หุ้นกู้ กองทุนรวม และประกันชีวิต กรุงศรีจึงต้องมีอีกบทบาทหน้าที่หนึ่ง นั่นคือ การให้ความรู้ การให้ข้อมูลกับลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนที่ถูกต้อง เพื่อเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงให้กับลูกค้าของเรา และนำข้อมูลเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้วางแผนด้านการลงทุนให้เหมาะสมสอดคล้องกับแต่ละบุคคล” นายกฤษณ์ กล่าว “ด้วยแนวทางปฎิบัติ ทั้ง 4 ข้อ ผนวกกับกลยุทธ์เชิงรุกที่เน้นการทำการตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ Customer Segmentation เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีความหลากหลาย โดยกลุ่มลูกค้าทั่วไป จะเน้นการให้ความรู้ และคำแนะนำเกี่ยวกับการออม การลงทุนที่ถูกต้อง ผ่านบริการ Plan your money จากเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมซึ่งมีความรู้และพร้อมจะให้คำแนะนำ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงินตามที่วางแผนไว้ ขณะที่กลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง จะเน้นการให้คำแนะนำด้านการลงทุนตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม พร้อมจัดพอร์ตการลงทุนตามวัตถุประสงค์ของลูกค้า โดยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์พิเศษต่างๆอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีสำหรับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งอีกด้วย” นายกฤษณ์ กล่าว นายกฤษณ์ กล่าวเสริมว่า “การเข้ามาของผู้ถือหุ้นใหญ่เชิงกลยุทธ์รายใหม่ของกรุงศรี คือ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) ซึ่งถือหุ้น 100% โดย มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)ช่วยให้กรุงศรีเข้าถึงข้อมูล ความรู้และความเชี่ยวชาญระดับสากลในการทำธุรกิจด้านการเงินจาก MUFG ที่มีเครือข่ายระดับโลกได้ และจะส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้าและเพิ่มขนาดของสินทรัพย์ให้สูงขึ้นอย่างมีคุณภาพต่อเนื่องต่อไป”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ