ผถห.NDR โหวตปันผล 0.03 บ./หุ้น จ่าย 26 เม.ย.นี้ พร้อมประกาศปี 62 ทุ่มงบ 30-50 ลบ. ลงทุนระบบออโตเมชั่นหวังลดต้นทุน-เพิ่มมาร์จิ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 29, 2019 14:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--เอ็น.ดี.รับเบอร์ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ หรือ NDR มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท จ่าย 26 เมษายน 2562 ด้านบอสใหญ่ "ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" เผยปี 62 ทุ่มงบ 30-50 ลบ. ลงทุนระบบออโตเมชั่น เพื่อลดต้นทุนแรงงาน เพิ่มมาร์จิ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมตั้งเป้าลดต้นทุนแรงงาน 3-5% ปักธงลุยขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม ลาว ผลักดันผลประกอบการปีนี้สดใส นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 26 เมษายน 2562 โดยผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 973.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.56% จากปีก่อนที่มีรายได้ 820.92 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.07% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.87 ล้านบาท กรรมการผู้จัดการ NDR กล่างถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 ว่า บริษัทฯเตรียมงบลงทุนไว้ที่ 30-50 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนปรับเปลี่ยนโรงงานให้เป็นระบบออโตเมชั่น ซึ่งเป็นตามแผนที่ต้องการลดต้นทุนด้านแรงงาน และช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯมีเป้าหมายลดต้นทุนแรงงานเหลือ 12% จากเดิมที่มีต้นทุนแรงงาน 17% ของต้นทุนรวม "การลงทุนระบบออโตเมชั่นเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปีก่อน ที่ได้ดำเนินการติดตั้งปรับเป็นระบบออโตเมชั่นแล้วทั้งสิ้น 3 จุด ทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 1.8 ล้านบาท/ปี โดยปีนี้ถ้าเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้จะสามารถลดแรงงานคนได้ประมาณ 30-50 คน และลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 5-10 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯได้ในอนาคต" นายชัยสิทธิ์ กล่าว นายชัยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของตลาดมาเลเซียจะปรับให้เป็น Professional Trading ของสินค้าเกี่ยวกับมอเตอร์ไซด์ ด้วยการหาประเภทสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น และขยายตลาดในประเทศเวียดนามกับอินโดนีเซีย รวมถึงลาว ซึ่งปีก่อนมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยประเมินว่าตลาดในลาวยังมีศักยภาพเติบโตได้ดี ซึ่งตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ปีนี้ แบ่งเป็น ต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนต่างประเทศ 50% และในประเทศ 50% "ตลาดในประเทศมีการแข่งขันสูง แต่อย่างไรก็ตามเรายังมีรายได้มาจากต่างประเทศ ทำให้ช่วยลดผลกระทบและกระจายความเสี่ยงของรายได้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรามีแผนการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการซื้อให้เพิ่มขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะอยู่ในระดับที่ดี" นายชัยสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ