ก.ล.ต. ร่วมหารือกับศูนย์ฟินเทคลักเซมเบิร์ก เพื่อสนับสนุนฟินเทคสตาร์ทอัพของไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 3, 2020 15:00 —ThaiPR.net

ก.ล.ต. ร่วมหารือกับศูนย์ฟินเทคลักเซมเบิร์ก เพื่อสนับสนุนฟินเทคสตาร์ทอัพของไทย กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เข้าพบและหารือกับผู้บริหารชมศูนย์เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) ของลักเซมเบิร์ก เพื่อสนับสนุนฟินเทคสตาร์ทอัพ(Fintech startup) ของไทย และมีแนวคิดพัฒนาเพื่อเปิดโอกาสให้มีการนำทรัพย์สินทางปัญญามาเป็นหลักทรัพย์เพื่อการส่งเสริมธุรกิจFintech startup นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมด้วยนางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ และคณะ เข้าพบ Mr. Alex Panican, Head of Partnerships and Ecosystem, Luxembourg House of Financial Technology (LHOFT*) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรและทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการบ่มเพาะฟินเทคสตาร์ทอัพจากหลากหลายประเทศ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (1) ก.ล.ต. เสนอเป็นผู้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง LHOFT กับบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในการพัฒนาฟินเทคสตาร์ทอัพของไทย โดยปัจจุบัน LHOFT เป็นพันธมิตรกับฟินเทคสตาร์ทอัพในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในเอเชีย (2) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านฟินเทคให้กับบริษัทไทยเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของ ก.ล.ต. โดย LHOFT ยินดีจะให้ฟินเทคสตาร์ทอัพไทยสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่ออบรมในเรื่องการเข้าถึงบริการทางการเงิน (financial inclusion) ที่ประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมสัมมนาในปีนี้และปีหน้า ทั้งนี้ LHOFT จะประสานเรื่องดังกล่าวกับ ก.ล.ต. ต่อไป (3) เนื่องจากฟินเทคสตาร์ทอัพเป็นธุรกิจในยุค technology disruption ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจให้กับลูกค้า ก.ล.ต. จึงเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีที่สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จในการพัฒนาถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IP) ที่สามารถนำมาใช้ในการระดมทุนได้ ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดในการแปลงสินทรัพย์ทางปัญญาดังกล่าว ซึ่งรวมถึงลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า เป็นหลักทรัพย์เพื่อการระดมทุน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวภายในไตรมาส 2 ปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ