กรุงเทพ--22 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ (โดยกรมองค์การระหว่างประเทศและสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาประเทศไทย) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) จะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในภูมิภาคแอฟริกาว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ เพื่อเผยแพร่ประสบการณ์ความก้าวหน้าของไทยในด้านดังกล่าว และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคแอฟริกาในเรื่องนี้ โดยประเทศไทยได้มีบทบาทนำในด้านการป้องกันและแก้ไขโรคเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับความชื่นชมจากนานาประเทศเป็น อย่างมาก
การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการกำหนดจะมีขึ้น 2 ครั้งในปี 2548 โดยครั้งแรกจะจัดขึ้นที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ระหว่างวันที่ 22 - 24 มิถุนายน 2548 ส่วนครั้งที่สองกำหนดจะจัดขึ้นที่กรุง พริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ ในช่วงปลายปีนี้
การที่ไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเรื่องนี้กับภูมิภาคแอฟริกา เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นพื้นที่ที่ปัญหาดังกล่าวมีความรุนแรงมาก โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ในโลกในปัจจุบันราว 39.4 ล้านคนนั้น เป็นผู้ที่ติดเชื้อที่อยู่ในภูมิภาคแอฟริกาประมาณ 25.4 ล้านคน หรือราว 2 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อในโลก และคาดว่าภายในปี 2553 หรืออีก 5 ปีนับจากนี้ จะมีชาวแอฟริกาที่ต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคเอดส์เป็นจำนวนถึง 71 ล้านคน
การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งแรกที่กรุงไนโรบีจะจัดขึ้นในหัวข้อ “การป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์แบบบูรณาการ” (Comprehensive Responses to HIV/AIDS Prevention and Care) โดยมีผู้เข้าร่วม 10 ประเทศจาก บูร์กินาฟาโซ จิบูติ กาบอง กานา เคนยา มาลี ไนจีเรีย โซมาเลีย ซูดาน และยูกันดา โดยประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสผู้ที่รับผิดชอบด้านนโยบายโรคเอดส์ ผู้ควบคุมการปฏิบัติงานในส่วนกลาง และผู้ที่มีบทบาทเสริม ทั้งหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรการกุศลเอกชนที่สำคัญในแต่ละประเทศ รวมทั้งมีผู้แทนของประเทศและองค์กรผู้บริจาค ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติร่วมด้วย
ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ) ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนประเทศในแอฟริกา จะเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ (United Nations Conference Center) ในกรุงไนโรบี โดยจะเน้นถึงความประสงค์ของไทยที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันในเรื่องดังกล่าว การเน้นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้จากกันและกัน ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือในเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป อันเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันเอง (South-South Cooperation) ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็นแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมในวันที่ 22 มิถุนายน 2548 ด้วย
หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการประชุมจะมีการประชุมเต็มคณะเพื่อหารือเรื่องสถานการณ์โรคเอดส์ในแอฟริกาและนโยบายการดำเนินงานของไทย ตลอดจนการดำเนินงานของสหประชาชาติในเรื่องนี้ หลังจากนั้นในช่วงบ่ายจะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการต่อที่โรงแรม Grand Regency จนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2548 โดยจะแบ่งการประชุมออกเป็นสองส่วน ได้แก่ เรื่องการดำเนินงานในระดับชาติและในระดับชุมชน โดยในส่วนของระดับชาติจะให้ผู้เข้าร่วมประชุมหารือและทดลองวางแผนดำเนินการร่วมกันในการจัดให้ผู้ป่วยเข้าถึงยารักษา การป้องกันการแพร่เชื้อจากมารดาสู่ทารก และการรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัย ส่วนในระดับชุมชนจะเน้นเรื่องการป้องกันและดูแลรักษาในพื้นที่ การอยู่ร่วมกับผู้ป่วย และการรณรงค์ป้องกันในกลุ่มเยาวชน สุดท้ายจะเป็นการสรุปผลการประชุมโดยหารือแนวทางที่จะร่วมมือกันต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ จะมีการจัดหารือระหว่างฝ่ายไทยกับหน่วยงานสหประชาชาติ และประเทศ /องค์กรผู้บริจาคในช่วงบ่ายของวันที่ 24 มิถุนายน 2548 ด้วยว่ามีลักษณะงานส่วนใดที่จะเสริมสร้าง สนับสนุน ร่วมมือกันในการดำเนินงานในภูมิภาคแอฟริกาได้บ้าง
วิทยากรของไทยที่เข้าร่วมในการประชุมเชิงปฏิบัติการประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนหน่วยงานสหประชาชาติประจำสำนักงานในกรุงเทพฯ ที่ดูแลเรื่องโรคเอดส์ อาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้แทนองค์กรการกุศลเอกชน ตลอดจนตัวแทนของผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้ ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้รับรู้การดำเนินงานของผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง
การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันของไทยในการเน้นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งรวมถึงการได้รับการดูแลที่เหมาะสมในด้านสาธารณสุขด้วย โดยขณะนี้ประเทศไทยได้เป็นประธานเครือข่ายความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security Network) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2548 ถึงเดือนพฤษภาคม 2549 ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของประเทศจากหลายภูมิภาคที่มีความเห็นสอดคล้องกันและต้องการผลักดันเรื่องนี้ในกรอบเวทีระหว่างประเทศต่างๆ โดยประเทศสมาชิก HSN จะส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวด้วย
การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการป้องกันและแก้ไขโรคเอดส์ในแอฟริกาของไทยจึงนับเป็นการก้าวรุกของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคอื่นๆ ที่เป็นวงกว้างกว่าเดิม และในสาขาที่ประเทศไทยมีประสบการณ์ความชำนาญจากการปฏิบัติเรียนรู้และปรับใช้จนเป็นผลสำเร็จของไทยเอง อันเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศ และเป็นการสร้างคุณูปการในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างการดำเนินการในเชิงมนุษยธรรมของประเทศไทยด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศ (โดยกรมองค์การระหว่างประเทศและสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาประเทศไทย) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) จะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในภูมิภาคแอฟริกาว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ เพื่อเผยแพร่ประสบการณ์ความก้าวหน้าของไทยในด้านดังกล่าว และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคแอฟริกาในเรื่องนี้ โดยประเทศไทยได้มีบทบาทนำในด้านการป้องกันและแก้ไขโรคเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับความชื่นชมจากนานาประเทศเป็น อย่างมาก
การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการกำหนดจะมีขึ้น 2 ครั้งในปี 2548 โดยครั้งแรกจะจัดขึ้นที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ระหว่างวันที่ 22 - 24 มิถุนายน 2548 ส่วนครั้งที่สองกำหนดจะจัดขึ้นที่กรุง พริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ ในช่วงปลายปีนี้
การที่ไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเรื่องนี้กับภูมิภาคแอฟริกา เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นพื้นที่ที่ปัญหาดังกล่าวมีความรุนแรงมาก โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ในโลกในปัจจุบันราว 39.4 ล้านคนนั้น เป็นผู้ที่ติดเชื้อที่อยู่ในภูมิภาคแอฟริกาประมาณ 25.4 ล้านคน หรือราว 2 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อในโลก และคาดว่าภายในปี 2553 หรืออีก 5 ปีนับจากนี้ จะมีชาวแอฟริกาที่ต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคเอดส์เป็นจำนวนถึง 71 ล้านคน
การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งแรกที่กรุงไนโรบีจะจัดขึ้นในหัวข้อ “การป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์แบบบูรณาการ” (Comprehensive Responses to HIV/AIDS Prevention and Care) โดยมีผู้เข้าร่วม 10 ประเทศจาก บูร์กินาฟาโซ จิบูติ กาบอง กานา เคนยา มาลี ไนจีเรีย โซมาเลีย ซูดาน และยูกันดา โดยประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสผู้ที่รับผิดชอบด้านนโยบายโรคเอดส์ ผู้ควบคุมการปฏิบัติงานในส่วนกลาง และผู้ที่มีบทบาทเสริม ทั้งหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรการกุศลเอกชนที่สำคัญในแต่ละประเทศ รวมทั้งมีผู้แทนของประเทศและองค์กรผู้บริจาค ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติร่วมด้วย
ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ) ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนประเทศในแอฟริกา จะเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ (United Nations Conference Center) ในกรุงไนโรบี โดยจะเน้นถึงความประสงค์ของไทยที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันในเรื่องดังกล่าว การเน้นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้จากกันและกัน ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือในเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป อันเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันเอง (South-South Cooperation) ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็นแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมในวันที่ 22 มิถุนายน 2548 ด้วย
หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการประชุมจะมีการประชุมเต็มคณะเพื่อหารือเรื่องสถานการณ์โรคเอดส์ในแอฟริกาและนโยบายการดำเนินงานของไทย ตลอดจนการดำเนินงานของสหประชาชาติในเรื่องนี้ หลังจากนั้นในช่วงบ่ายจะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการต่อที่โรงแรม Grand Regency จนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2548 โดยจะแบ่งการประชุมออกเป็นสองส่วน ได้แก่ เรื่องการดำเนินงานในระดับชาติและในระดับชุมชน โดยในส่วนของระดับชาติจะให้ผู้เข้าร่วมประชุมหารือและทดลองวางแผนดำเนินการร่วมกันในการจัดให้ผู้ป่วยเข้าถึงยารักษา การป้องกันการแพร่เชื้อจากมารดาสู่ทารก และการรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัย ส่วนในระดับชุมชนจะเน้นเรื่องการป้องกันและดูแลรักษาในพื้นที่ การอยู่ร่วมกับผู้ป่วย และการรณรงค์ป้องกันในกลุ่มเยาวชน สุดท้ายจะเป็นการสรุปผลการประชุมโดยหารือแนวทางที่จะร่วมมือกันต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ จะมีการจัดหารือระหว่างฝ่ายไทยกับหน่วยงานสหประชาชาติ และประเทศ /องค์กรผู้บริจาคในช่วงบ่ายของวันที่ 24 มิถุนายน 2548 ด้วยว่ามีลักษณะงานส่วนใดที่จะเสริมสร้าง สนับสนุน ร่วมมือกันในการดำเนินงานในภูมิภาคแอฟริกาได้บ้าง
วิทยากรของไทยที่เข้าร่วมในการประชุมเชิงปฏิบัติการประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนหน่วยงานสหประชาชาติประจำสำนักงานในกรุงเทพฯ ที่ดูแลเรื่องโรคเอดส์ อาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้แทนองค์กรการกุศลเอกชน ตลอดจนตัวแทนของผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้ ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้รับรู้การดำเนินงานของผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง
การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันของไทยในการเน้นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งรวมถึงการได้รับการดูแลที่เหมาะสมในด้านสาธารณสุขด้วย โดยขณะนี้ประเทศไทยได้เป็นประธานเครือข่ายความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security Network) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2548 ถึงเดือนพฤษภาคม 2549 ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของประเทศจากหลายภูมิภาคที่มีความเห็นสอดคล้องกันและต้องการผลักดันเรื่องนี้ในกรอบเวทีระหว่างประเทศต่างๆ โดยประเทศสมาชิก HSN จะส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวด้วย
การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการป้องกันและแก้ไขโรคเอดส์ในแอฟริกาของไทยจึงนับเป็นการก้าวรุกของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคอื่นๆ ที่เป็นวงกว้างกว่าเดิม และในสาขาที่ประเทศไทยมีประสบการณ์ความชำนาญจากการปฏิบัติเรียนรู้และปรับใช้จนเป็นผลสำเร็จของไทยเอง อันเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศ และเป็นการสร้างคุณูปการในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างการดำเนินการในเชิงมนุษยธรรมของประเทศไทยด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-