1. สถานการ์น้ำตาล
อุตสาหกรรมน้ำตาลของอินโดนีเซียมีประวัติในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาอย่างมากทั้งในด้าน
การผลิต การจัดการ รวมทั้งการตลาด ในสมัยที่ประเทศตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น น้ำตาลนับว่าเป็น
สินค้าออกสำคัญที่นำรายได้เข้าประเทศ ในระยะนั้นสามารถผลิตน้ำตาลได้ปีละ 3 ล้านตัน
ภายหลังจากที่ขบวนการผลิตได้ตกอยู่ในมือของรัฐบาลตั้งแต่ปี 1957 ปรากฎว่าสภาพการผลิตตกต่ำลงด้วย
ปัจจัยหลายประการ ปัญหาชาวไร่อ้อยลดพื้นที่การปลูกอ้อยโดยการปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน และปัญหาการจัดจำหน่าย
นับเป็นปัจจัยสำคัญของการถดถอยในอุตสาหกรรมนี้ จำเป็นต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ เป้าหมายของรัฐบาล
ที่จะให้มีการผลิตเพียงพอกับความต้องการภายในที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมาไม่เคยประสบผลสำเร็จ
ในปัจจุบันปริมาณการผลิตอยู่ในระดับ 2.09 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ความต้องการบริโภคมีอยู่ปีละประมาณ
3 ล้านตัน และนับวันจะขยายตัวสูงขึ้นตามจำนวนประชากรและอุตสาหกรรมภายในประเทศที่ขยายตัวขึ้น
ในทางตรงข้าม การขยายตัวของอุตสาหกรรมรายใหม่ ๆ และปริมาณเนื้อที่ปลูกอ้อยเพื่อป้อนโรงงานก็อยู่ใน
ระดับต่ำมาก ไม่เป็นไปตามอัตราความเจริญเติบโตของความต้องการ และยิ่งกว่านั้นปริมาณการผลิตน้ำตาลจะลดลง
อีกมาก ถ้ารัฐบาลเร่งปิดโรงงานในเกาะชวาที่เก่าและล้าสมัยจำนวน 27 แห่ง และหากการโยกย้ายหรือการสร้าง
โรงงานใหม่ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพในเกาะอื่นนอกเกาะชวายังไม่มีความแน่นอนหรือมีความเป็นไปได้
พร้อม ๆ กับการปิดโรงงานเก่า นอกจากนั้น อุตสาหกรรมน้ำตาลยังประสบปัญหาเรื่องดินที่หมดความอุดมสมบูรณ์
แรงงาน การขนส่ง ฯลฯ
ในขณะที่อุตสาหกรรมประสบปัญหารอบด้านดังกล่าว ดังนั้น อินโดนีเซียต้องพึ่งการนำเข้าน้ำตาล
ในปี 1996 การนำเข้าขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเกือบถึงครึ่งของปริมาณการผลิต
2. จำนวนโรงงานและกำลังการผลิต
อุตสาหกรรมน้ำตาลได้กระจุกตัวอยู่ในเกาะชวาเป็นส่วนมาก แนวนโยบายที่จะขยับขยายไปเกาะอื่น ๆ
เพิ่งจะเริ่มเมื่อไม่นานมานี้
ปัจจุบันอินโดนีเซียมีโรงงานผลิตน้ำตาลทั้งหมด 70 โรง กำลังการผลิตรวม 228,866 ตัน ต่อวัน
โรงงานที่ตั้งอยู่บนเกาะชวามีถึง 58 โรง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานเก่ามีกำลังการผลิตเฉลี่ยประมาณ 2,800 ตันต่อวัน
ที่เหลืออีก 12 แห่งกระจายอยู่บนเกาะสุมาตรา สุราเวสี และกลิมันตัน
โรงงานน้ำตาลในอินโดนีเซียส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจจำนวน 58 โรง มีกำลังการผลิต 166,319 ตันต่อวัน
เป็นของเอกชนเพียง 12 โรง กำลังการผลิต 62,547 ตันต่อวัน
3. พื้นที่ปลูกอ้อยลดลง
ลักษณะของการปลูกอ้อยเพื่อป้อนโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ชาวไร่
รายย่อยที่มีพื้นที่เป็นของตนเอง ไร่ของรัฐวิสาหกิจ/ของรัฐบาล และบริษัทเอกชน ชาวไร่รายย่อยเป็นประเภทที่มี
เนื้อที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตอ้อยมากที่สุด และมักจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ โรงงาน จากสถิติในปี 1996 ปรากฎว่า
เนื้อที่เพาะปลูกของชาวไร่รายย่อยรวมกันมีสัดส่วนถึง 63.8% เนื้อที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ ส่วนไร่ของรัฐบาล
มีสัดส่วนต่ำที่สุด
เนื้อที่ปลูกอ้อยรวมทั้งประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีแต่อัตราการขยายตัวอยู่ในระดับต่ำมาก ยกเว้นในปี
1996 กลับลดลง 2.9% จำนวนเนื้อที่จำแนกได้ดังนี้
จำนวนเนื้อที่ปลูกอ้อย ปี 1991 - 1996
หน่วย : เฮกเตอร์
ปี ชาวไร่อ้อย รัฐบาล เอกชน รวม %
1991 255,934 96,625 33,745 386,304 -
1992 262,092 105,905 36,065 404,062 4.6
1993 280,504 104,460 40,689 425,653 5.3
1994 276,581 107,570 44,585 428,736 0.7
1995 262,947 120,162 52,718 435,827 1.6
1996 270,209 106,442 46,716 423,367 -2.9
ที่มา : Department of Plantation, Ministry of Agriculture
4. เกาะชวาเป็นแหล่งปลูกอ้อยสำคัญ
เกาะชวาเป็นแหล่งปลูกอ้อยสำคัญ มีเนื้อที่เป็นไร่อ้อยถึง 292,310 เฮกเตอร์ หรือ 69% ของเนื้อที่
ปลูกอ้อยทั้งประเทศ 432,367 เฮกเตอร์
อย่างไรก็ดี เนื้อที่ปลูกอ้อยบนเกาะชวาเริ่มลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากธุรกิจอื่นเข้ามาแทนที่ เช่น
บ้านที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม และการปลูกพืชเพื่อป้อนโรงงานประเภทอาหาร เป็นต้น ทำให้สัดส่วนผลผลิต
น้ำตาลของเกาะชวาลดลงจาก 93.5% ของผลผลิตรวม ในปี 1980 เหลือเพียง 69.3% ของผลผลิตรวมในปี 1996
ปริมาณการผลิตน้ำตาลในอินโดนีเซีย ปี 1991 - 1996
ปริมาณ (ตัน) สัดส่วน (%)
ปี เกาะชวา นอกเกาะชวา รวม เพิ่ม/ลด (%) เกาะชวา นอกเกาะชวา
1991 1,804,298 448,368 2,252,666 - 80.1 19.9
1992 1,873,379 433,051 2,306,430 2.4 81.2 18.8
1993 1,929,957 52,276 2,452,720 6.3 78.7 21.3
1994 1,900,442 553,124 2,453,566 0.1 77.5 22.5
1995 1,557,690 538,780 2,096,470 -14.5 74.3 25.7
1996 1,451,181 642,884 2,094,065 - 0.1 69.3 30.7
ที่มา : Indonesia Sugar Council
เมื่อเดือนมีนาคม 1996 รัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศนโยบายแก้ไขปํญหาอุตสาหกรรมน้ำตาล รวมทั้ง
นโยบายการโยกย้ายโรงงานออกไปตั้งในเกาะอื่นๆ นอกจากเกาะชวา นโยบายแก้ไขปัญหานี้มุ่งไปที่การเพิ่ม
ประสิทธิภาพการผลิต โดยหวังว่าจะสามารถเพิ่มการผลิตน้ำตาลให้ถึง 10 ตันต่อพื้นที่ปลูกอ้อย 1 เฮกเตอร์
ในเขตที่มีชลประทานและน้ำเข้าถึง ส่วนในพื้นที่แห้งแล้งจะพยายามให้ได้ปริมาณน้ำตาลถึง 5 ตันต่อพื้นที่ปลูกอ้อย
1 เฮกเตอร์ ตลอดจนปัจจัยที่จะเสริมสร้างการผลิตต่าง ๆ การลดภาษีที่เป็นภาระต่อต้นทุนการผลิต เป็นต้น
ประสิทธิภาพการผลิตของการปลูกอ้อยในอินโดนีเซีย ปี 1991 - 1996
เกาะชวา นอกเกาะชวา
ปี ความหวาน น้ำตาลทราย ความหวาน น้ำตาลทราย
ของน้ำตาล ของน้ำตาล
(%) (ตัน/เฮกเตอร์) (%) (ตัน/เฮกเตอร์)
1991 8.32 6.24 6.90 4.61
1992 7.50 6.17 6.17 4.30
1993 7.75 6.22 6.77 5.00
1994 8.30 6.07 7.24 4.78
1995 7.17 5.26 6.44 4.32
1996 7.36 5.28 7.23 5.01
ที่มา : Department of Plantation, Ministry of Agriculture
6. ระบบการตลาดและการจัดจำหน่าย
กระทรวงการค้าและสหกรณ์กำหนดให้ BULOG หรือ the National Logistics Agency ของ
อินโดนีเซีย จัดการเกี่ยวกับการผลิตและการค้าน้ำตาล โดยผู้ผลิตน้ำตาลจะต้อง จำหน่ายผลผลิตที่ผลิตได้ 96%
ให้แก่ BULOG สามารถจำหน่ายสู่ตลาดได้โดยตรงเพียง 4%
7. ราคาน้ำตาลภายในประเทศ
ปัจจุบัน ราคาขายปลีกน้ำตาลของอินโดนีเซียเท่ากับ 149,675 รูเปีย (ประมาณ 1,650 บาท)
ต่อ 100 กก. ราคาที่ BULOG รับซื้อ ณ โรงงานเท่ากับ 112,493 รูเปีย (ประมาณ 1,237 บาท) ต่อ 100 กก.
สำหรับราคารับซื้อจากเกษตรกรเท่ากับ 96,080 รูเปีย (ประมาณ 1,057 บาท) ต่อน้ำตาล 100 กก. ซึ่งเป็น
ราคาที่ BULOG ประกาศเมื่อปลายเดือนเมษายน 1997 นี้ โดยเพิ่มขึ้นจากราคา 91,080 รูเปียต่อน้ำตาล
100 กก. ที่คงตัวมาตลอดตั้งแต่ปี 1995
8. การนำเข้าสูงขึ้น
การผลิตในประเทศที่ลดต่ำลงและการบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อินโดนีเซียต้องนำเข้าน้ำตาล
มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นคือ น้ำตาลนำเข้ามีคุณภาพดีกว่าแต่ราคาถูกกว่าน้ำตาลในประเทศ จากข้อมูลของ
สำนักงานสถิติ ปี 1996 อินโดนีเซียนำเข้าน้ำตาลประมาณ 1 ล้านตัน มูลค่า 429.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่า
การนำเข้ามากเป็นอันดับสองรองจากการนำเข้าข้าว
การนำเข้าน้ำตาลของอินโดนีเซีย ปี 1991 - 1996
ปี ปริมาณ มูลค่า
(ตัน) (พันเหรียญสหรัฐฯ)
1991 309,290 110.77
1992 327,729 111.36
1993 226,270 71.20
1994 118,830 43.35
1995 544,023 245.50
1996* 1,017,407 429.80
หมายเหตุ : * ปี 1996 เป็นตัวเลขประมาณการ
ที่มา : Central Bureau of Statistics
9. ไทยเป็นแหล่งนำเข้าที่สำคัญ
อินโดนีเซียต้องนำเข้าน้ำตาลจากหลาย ๆ ประเทศ โดยนำเข้าจากไทยมากที่สุดเกือบ 50% ของ
การนำเข้าน้ำตาลทั้งหมด นำเข้าจากไทย 2.6 แสนตัน มูลค่า 116.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 1995
แหล่งนำเข้าอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ บราซิล สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย ปากีสถาน และเกาหลีใต้
10. การบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้น
การบริโภคน้ำตาลรวมทั้งประเทศซึ่งคำนวณจากปริมาณการผลิตรวมกับการนำเข้า ในช่วงปี 1991-1996
มีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3.9% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชาการ และการบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยต่อคน
ที่เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3% ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารประเภท ของว่าง เครื่องขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม
ที่ไม่มีแอลกอฮอร์ เป็นต้น
การบริโภคน้ำตาลในอินโดนีเซีย ปี 1991-1996
ปี การผลิต การนำเข้า การบริโภครวม % การบริโภค/คน %
(ตัน) (ตัน) (ตัน) (ก.ก)
1991 2,252,666 303,566 2,556,232 - 13.9 -
1992 2,306,430 329,728 2,636,158 3.1 14.2 2.2
1993 2,452,720 226,269 2,678,999 1.5 14.2 0.0
1994 2,453,566 118,829 2,572,395 -3.9 13.4 -5.6
1995 2,096,470 543,296 2,639,766 2.5 13.5 0.7
1996** 2,094,065 975,800 3,069,865 16.3 15.5 14.8
อัตราเพิ่มเฉลี่ย 3.9 3.0
หมายเหตุ : * การบริโภคเฉลี่ยต่อคน = (การผลิต+การนำเข้า) จำนวนประชากร
** ปี 1996 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
11. ปัญหา
1. ประสิทธิภาพในการผลิตต่ำ เนื่องจากโรงงานกระจุกตัวอยู่บนเกาะชวาส่วนใหญ่เป็นโรงงาน
เก่าล้าสมัย รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ปิดโรงงานที่ล้าสมัยในเกาะชวาถึง 27 โรง ทั้ง ๆ ที่ได้รับการทักท้วงจาก
สมาคมในเรื่องการว่างงานของกรรมกร
โรงงานที่กำหนดจะต้องปิดในปี 1997 มี 15 โรง ความสามารถในการผลิตรวมทั้งสิ้น 34,996 ตัน/วัน
(รายละเอียดปรากฎในตารางที่ 4 ที่แนบ) อย่างไรก็ดีกระบวนการปิดโรงงานตามที่ระบุไว้ว่าจะเสร็จในปีนี้นั้น
ยังเป็นที่สงสัยว่าไม่น่าจะกระทำได้ในระยะสั้น
2. ปริมาณการผลิตน้ำตาลในปี 1995-1996 ลดลงมาก เนื่องจากการลดปริมาณผลผลิตอ้อยและเนื้อที่
ปลูกอ้อยโดยเฉพาะในเกาะชวาสาเหตุจากพื้นที่ดังกล่าวถูกนำไปใช้ในกิจกรรมอื่น ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น
บ้านที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม และการปลูกพืชอาหารอื่น เป็นต้น และมีบางส่วนที่ย้ายไปทำไร่อ้อยในพื้นที่
ห่างไกลจากโรงงานมากขึ้นและดินมีคุณภาพต่ำลง
3. การตั้งโรงงานนอกเกาะชวายังมีอุปสรรคหลายประการ ส่วนหนึ่งมาจากการขาดพื้นที่อุดมสมบูรณ์
พอสำหรับการปลูกอ้อย และขาดแคลนแรงงานที่ความชำนาญ เกษตรกรที่อยู่นอกเกาะชวาไม่มีประสบการณ์ในการ
ปลูกอ้อย ซึ่งปัญหาอ้อยไม่พอป้อนโรงงานก็ไม่สามารถช่วยให้โรงงานมีประสิทธิภาพที่สูงพอกับค่าใช้จ่ายในการลงทุน
มีโรงงานหลายแห่งที่ประสบปัญหานี้
4. มาตรการที่กำหนดให้ผู้ผลิตน้ำตาลจะต้องจำหน่ายผลผลิตที่ผลิตได้ 96% ให้แก่ BULOG ส่วนที่เหลือ 4%
จึงสามารถจำหน่ายสู่ตลาดโดยตรงได้นั้น ทำให้ธุรกาิจเอกชนไม่สนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมนี้
12. การแก้ไขปัญหาและมาตรการของรัฐ
รัฐบาลมีนโยบายปิด/ย้ายโรงงานเก่าที่ล้าสมัยบนเกาะชวาไปบริเวณนอกเกาะชวาเพื่อเพิ่มปริมาณและ
ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลของประเทศในการเตรียมตัวที่จะต้องเข้าสู่ตลาดเสรีในปี 2003 พยายามใช้มาตรการ
จูงใจให้เอกชนตั้งโรงงานนอกเกาะชวาโดยเพิ่มสัดส่วนที่จะสามารถจำหน่ายผลผลิตสู่ตลาดได้โดยตรงเป็น
75% สำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่บนเกาะสุลาเวสี มาลูดู และอิเรียน จายา
50% สำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่บนเกาะสุมาตรา บาหลี และกาลิมันตัน
นอกจากนั้นยังให้สิทธิการเช่าที่ปลูกอ้อยได้ยาวนานถึง 30-35 ปี
ในปีนี้จะมีโรงงานตั้งใหม่อย่างน้อย 8 แห่ง นอกเกาะชวา ซึ่งแต่ละโรงงานมีความสามารถในการผลิต
อยู่ในระหว่าง 5,000-8,000 ตันต่อวัน โดยจะตั้งในจังหวัด ลัมปุง สุลาเวสีใต้ สุลาเวสีตะวันออกเฉียงใต้
สุมาตราใต้ ติมอร์ตะวันออก นุสาตังการาตะวันตก และอิเรียนจายา
ปริมารการผลิตน้ำตาลตามแผนของรัฐบาล ปี 1996-2000
หน่วย : ตัน
ปี เกาะชวา นอกเกาะชวา ปริมาณการผลิตรวม
1996 1,700,000 704,248 2,404,248
1997 1,700,000 850,016 2,550,016
1998 1,620,000 905,016 2,525,016
1999 1,540,000 1,225,016 2,765,016
2000 1,460,000 1,511,688 2,971,688
13. แนวโน้ม
การสร้างโรงงานใหม่นอกเกาะชวาจำนวน 27 โรงเพื่อทดแทนโรงงานในเกาะชวาที่จะต้องปิดลงนั้น
คาดกันว่าจะต้องใช้เงินทุนสูงถึง 9.45 ล้านล้านรูเปีย (ประมาณ 1 แสนล้านบาท) รวมทั้งยังมีอุปสรรคหลายอย่าง
ในการขยายการผลิตบริเวณนอกเกาะชวา เช่นการขาดพื้นที่อุดมสมบูรณ์ปลูกอ้อย ขาดแคลนกำลังคนที่มีความชำนาญ
เป็นต้น
ภายในระยะ 4-5 ปีนี้ ปริมาณการผลิตจะยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร ขณะที่การบริโภคจะยังคงขยายตัว
ตามจำนวนประชากรและการบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยต่อคนที่เพิ่มขึ้น เป็นที่คาดกันว่าอินโดนีเซียต้องพึ่งพาการนำเข้า
เพื่อทดแทนความขาดแคลนน้ำตาลกว่า 1 ล้านตันในปีนี้ และภายในระยะ 5 ปี ข้างหน้าการนำเข้าจะยังคงมี
แนวโน้มสูงขึ้นอีก
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ
ตารางที่ 1
โรงงานน้ำตาลและกำลังการผลิตปี 1996
ชื่อ สถานที่ตั้ง จำนวน กำลังการผลิต
(ตัน : วัน)
โรงงานของรัฐ
1. PTPN II สุมาตราเหนือ 2 7,694
2. PTPN VII สุมาตราใต้ 2 9,894
3. PTPN IX ชวากลาง 13 27,032
4. PTPN X ชวาตะวันออก 24 81,586
5. PTPN XIII กลิมันตันใต้ 1 5,000
6. PTPN XIV อูจุงปันดัง 3 7,941
7. PTPN XI ชวาตะวันออก 5 10,400
8. PTP XIV ชวาตะวันออก 8 16,772
58 166,319
โรงงานเอกชน
1. PT. Trigunabina ชวากลาง/ตะวันออก 2 6,218
2. PT. Candi ชวาตะวันออก 1 1,823
3. PT. Rajawali Nusindo ชวากลาง/ตะวันออก 3 11,019
4. PT. Madu Baru ยอคจาการ์ตา 1 3,011
5. PT. Gunung Madu ลัมปุง (Lumpung) 1 9,500
6. PT. Gula Putih Mataram ลัมปุง (Lumpung) 1 8,260
7. PT. Sweet Indo ลัมปุง (Lumpung) 1 10,000
8. PT. Bapippundip ชวากลาง 1 2,716
9. PT. Naga Manis สุราเวสีเหนือ 1 10,000
12 62,547
รวมทั้งสิ้น 70 228,866
หมายเหตุ : PTPN = state-owned limited liability plantation company
ที่มา : Indonesian Sugar Council/Data Consult
ตารางที่ 2
โครงสร้างต้นทุนและราคาน้ำตาลของอินโดนีเซีย
Cost component 1995 1997
- Provenue price of sugar 91,080 96,080
- VAT 10% 9,108 9,608
- Insurance 20 20
- Village Cocperative's exploitation and managemen 250 250
- Bank fee 6,085 6,085
- BULOG's management fee 350 350
- P3GL sugar research fund 100 100
- Selling price sugar to BULOG at factory level 106,993 112,493
- Quility Premium 1,500 1,500
- Price of bages + VAT 1,815 1,815
- Inner bags + VAT 308 308
- VAT/Income Tax/Warchouse exploitation 3,320 3,320
- Distributor's purchase price 113,936 119,436
- Distributor's selling price 124,191 125,408
- Whoiesaler's selling price 135,989 136,068
- Retialer's selling price 149,588 149,675
ที่มา : Department of Finance
ตารางที่ 3
การนำเข้าน้ำตาลของอินโดนีเซียจำแนกตามรายประเทศปี 1995
ประเทศ ปริมาณ มูลค่า สัดส่วนของมูลค่า
(ตัน) (พันเหรียญสหรัฐฯ) (%)
ไทย 261,712 116,889 47.6
บราซิล 62,006 27,590 11.3
สาธารณรัฐประชาชนจีน 48,114 21,203 8.6
ปากีสถาน 38,575 18,272 7.5
เกาหลีใต้ 37,356 17,881 7.3
ออสเตรเลีย 39,805 16,250 6.6
เยอรมัน 25,563 12,779 5.2
มาเลเซีย 6,691 3,247 1.3
ประเทศอื่น ๆ 23,474 11,240 4.6
รวม 543,296 245,351 100.0
ที่มา : Central Bureau of Statistics
ตารางที่ 4
โรงงานที่กำหนดปิดทำการในปี 1997
ชื่อโรงงาน สถานที่ตั้ง กำลังการผลิต
Krebet Baru II ชวาตะวันออก 3,827
Kebon Agung ชวาตะวันออก 3,640
Lestari ชวาตะวันออก 3,547
Pakis Baru ชวาตะวันออก 3,315
Madukismo ชวากลาง 3,215
Sragi ชวากลาง 3,155
Trangkil ชวากลาง 3,014
Banjaratma ชวากลาง 1,400
Ceper Baru ชวากลาง 1,430
Colomadu ชวากลาง 1,070
Cepiring ชวากลาง 1,980
Tulangan ชวาตะวันออก 1,436
Kerembung ชวาตะวันออก 1,593
Krian ชวาตะวันออก 1,224
Kalibagor ชวากลาง 1,150
ที่มา : Department of Agriculture
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 11 / 15 มิถุนายน 2540--
อุตสาหกรรมน้ำตาลของอินโดนีเซียมีประวัติในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาอย่างมากทั้งในด้าน
การผลิต การจัดการ รวมทั้งการตลาด ในสมัยที่ประเทศตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น น้ำตาลนับว่าเป็น
สินค้าออกสำคัญที่นำรายได้เข้าประเทศ ในระยะนั้นสามารถผลิตน้ำตาลได้ปีละ 3 ล้านตัน
ภายหลังจากที่ขบวนการผลิตได้ตกอยู่ในมือของรัฐบาลตั้งแต่ปี 1957 ปรากฎว่าสภาพการผลิตตกต่ำลงด้วย
ปัจจัยหลายประการ ปัญหาชาวไร่อ้อยลดพื้นที่การปลูกอ้อยโดยการปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน และปัญหาการจัดจำหน่าย
นับเป็นปัจจัยสำคัญของการถดถอยในอุตสาหกรรมนี้ จำเป็นต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ เป้าหมายของรัฐบาล
ที่จะให้มีการผลิตเพียงพอกับความต้องการภายในที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมาไม่เคยประสบผลสำเร็จ
ในปัจจุบันปริมาณการผลิตอยู่ในระดับ 2.09 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ความต้องการบริโภคมีอยู่ปีละประมาณ
3 ล้านตัน และนับวันจะขยายตัวสูงขึ้นตามจำนวนประชากรและอุตสาหกรรมภายในประเทศที่ขยายตัวขึ้น
ในทางตรงข้าม การขยายตัวของอุตสาหกรรมรายใหม่ ๆ และปริมาณเนื้อที่ปลูกอ้อยเพื่อป้อนโรงงานก็อยู่ใน
ระดับต่ำมาก ไม่เป็นไปตามอัตราความเจริญเติบโตของความต้องการ และยิ่งกว่านั้นปริมาณการผลิตน้ำตาลจะลดลง
อีกมาก ถ้ารัฐบาลเร่งปิดโรงงานในเกาะชวาที่เก่าและล้าสมัยจำนวน 27 แห่ง และหากการโยกย้ายหรือการสร้าง
โรงงานใหม่ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพในเกาะอื่นนอกเกาะชวายังไม่มีความแน่นอนหรือมีความเป็นไปได้
พร้อม ๆ กับการปิดโรงงานเก่า นอกจากนั้น อุตสาหกรรมน้ำตาลยังประสบปัญหาเรื่องดินที่หมดความอุดมสมบูรณ์
แรงงาน การขนส่ง ฯลฯ
ในขณะที่อุตสาหกรรมประสบปัญหารอบด้านดังกล่าว ดังนั้น อินโดนีเซียต้องพึ่งการนำเข้าน้ำตาล
ในปี 1996 การนำเข้าขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเกือบถึงครึ่งของปริมาณการผลิต
2. จำนวนโรงงานและกำลังการผลิต
อุตสาหกรรมน้ำตาลได้กระจุกตัวอยู่ในเกาะชวาเป็นส่วนมาก แนวนโยบายที่จะขยับขยายไปเกาะอื่น ๆ
เพิ่งจะเริ่มเมื่อไม่นานมานี้
ปัจจุบันอินโดนีเซียมีโรงงานผลิตน้ำตาลทั้งหมด 70 โรง กำลังการผลิตรวม 228,866 ตัน ต่อวัน
โรงงานที่ตั้งอยู่บนเกาะชวามีถึง 58 โรง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานเก่ามีกำลังการผลิตเฉลี่ยประมาณ 2,800 ตันต่อวัน
ที่เหลืออีก 12 แห่งกระจายอยู่บนเกาะสุมาตรา สุราเวสี และกลิมันตัน
โรงงานน้ำตาลในอินโดนีเซียส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจจำนวน 58 โรง มีกำลังการผลิต 166,319 ตันต่อวัน
เป็นของเอกชนเพียง 12 โรง กำลังการผลิต 62,547 ตันต่อวัน
3. พื้นที่ปลูกอ้อยลดลง
ลักษณะของการปลูกอ้อยเพื่อป้อนโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ชาวไร่
รายย่อยที่มีพื้นที่เป็นของตนเอง ไร่ของรัฐวิสาหกิจ/ของรัฐบาล และบริษัทเอกชน ชาวไร่รายย่อยเป็นประเภทที่มี
เนื้อที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตอ้อยมากที่สุด และมักจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ โรงงาน จากสถิติในปี 1996 ปรากฎว่า
เนื้อที่เพาะปลูกของชาวไร่รายย่อยรวมกันมีสัดส่วนถึง 63.8% เนื้อที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ ส่วนไร่ของรัฐบาล
มีสัดส่วนต่ำที่สุด
เนื้อที่ปลูกอ้อยรวมทั้งประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีแต่อัตราการขยายตัวอยู่ในระดับต่ำมาก ยกเว้นในปี
1996 กลับลดลง 2.9% จำนวนเนื้อที่จำแนกได้ดังนี้
จำนวนเนื้อที่ปลูกอ้อย ปี 1991 - 1996
หน่วย : เฮกเตอร์
ปี ชาวไร่อ้อย รัฐบาล เอกชน รวม %
1991 255,934 96,625 33,745 386,304 -
1992 262,092 105,905 36,065 404,062 4.6
1993 280,504 104,460 40,689 425,653 5.3
1994 276,581 107,570 44,585 428,736 0.7
1995 262,947 120,162 52,718 435,827 1.6
1996 270,209 106,442 46,716 423,367 -2.9
ที่มา : Department of Plantation, Ministry of Agriculture
4. เกาะชวาเป็นแหล่งปลูกอ้อยสำคัญ
เกาะชวาเป็นแหล่งปลูกอ้อยสำคัญ มีเนื้อที่เป็นไร่อ้อยถึง 292,310 เฮกเตอร์ หรือ 69% ของเนื้อที่
ปลูกอ้อยทั้งประเทศ 432,367 เฮกเตอร์
อย่างไรก็ดี เนื้อที่ปลูกอ้อยบนเกาะชวาเริ่มลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากธุรกิจอื่นเข้ามาแทนที่ เช่น
บ้านที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม และการปลูกพืชเพื่อป้อนโรงงานประเภทอาหาร เป็นต้น ทำให้สัดส่วนผลผลิต
น้ำตาลของเกาะชวาลดลงจาก 93.5% ของผลผลิตรวม ในปี 1980 เหลือเพียง 69.3% ของผลผลิตรวมในปี 1996
ปริมาณการผลิตน้ำตาลในอินโดนีเซีย ปี 1991 - 1996
ปริมาณ (ตัน) สัดส่วน (%)
ปี เกาะชวา นอกเกาะชวา รวม เพิ่ม/ลด (%) เกาะชวา นอกเกาะชวา
1991 1,804,298 448,368 2,252,666 - 80.1 19.9
1992 1,873,379 433,051 2,306,430 2.4 81.2 18.8
1993 1,929,957 52,276 2,452,720 6.3 78.7 21.3
1994 1,900,442 553,124 2,453,566 0.1 77.5 22.5
1995 1,557,690 538,780 2,096,470 -14.5 74.3 25.7
1996 1,451,181 642,884 2,094,065 - 0.1 69.3 30.7
ที่มา : Indonesia Sugar Council
เมื่อเดือนมีนาคม 1996 รัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศนโยบายแก้ไขปํญหาอุตสาหกรรมน้ำตาล รวมทั้ง
นโยบายการโยกย้ายโรงงานออกไปตั้งในเกาะอื่นๆ นอกจากเกาะชวา นโยบายแก้ไขปัญหานี้มุ่งไปที่การเพิ่ม
ประสิทธิภาพการผลิต โดยหวังว่าจะสามารถเพิ่มการผลิตน้ำตาลให้ถึง 10 ตันต่อพื้นที่ปลูกอ้อย 1 เฮกเตอร์
ในเขตที่มีชลประทานและน้ำเข้าถึง ส่วนในพื้นที่แห้งแล้งจะพยายามให้ได้ปริมาณน้ำตาลถึง 5 ตันต่อพื้นที่ปลูกอ้อย
1 เฮกเตอร์ ตลอดจนปัจจัยที่จะเสริมสร้างการผลิตต่าง ๆ การลดภาษีที่เป็นภาระต่อต้นทุนการผลิต เป็นต้น
ประสิทธิภาพการผลิตของการปลูกอ้อยในอินโดนีเซีย ปี 1991 - 1996
เกาะชวา นอกเกาะชวา
ปี ความหวาน น้ำตาลทราย ความหวาน น้ำตาลทราย
ของน้ำตาล ของน้ำตาล
(%) (ตัน/เฮกเตอร์) (%) (ตัน/เฮกเตอร์)
1991 8.32 6.24 6.90 4.61
1992 7.50 6.17 6.17 4.30
1993 7.75 6.22 6.77 5.00
1994 8.30 6.07 7.24 4.78
1995 7.17 5.26 6.44 4.32
1996 7.36 5.28 7.23 5.01
ที่มา : Department of Plantation, Ministry of Agriculture
6. ระบบการตลาดและการจัดจำหน่าย
กระทรวงการค้าและสหกรณ์กำหนดให้ BULOG หรือ the National Logistics Agency ของ
อินโดนีเซีย จัดการเกี่ยวกับการผลิตและการค้าน้ำตาล โดยผู้ผลิตน้ำตาลจะต้อง จำหน่ายผลผลิตที่ผลิตได้ 96%
ให้แก่ BULOG สามารถจำหน่ายสู่ตลาดได้โดยตรงเพียง 4%
7. ราคาน้ำตาลภายในประเทศ
ปัจจุบัน ราคาขายปลีกน้ำตาลของอินโดนีเซียเท่ากับ 149,675 รูเปีย (ประมาณ 1,650 บาท)
ต่อ 100 กก. ราคาที่ BULOG รับซื้อ ณ โรงงานเท่ากับ 112,493 รูเปีย (ประมาณ 1,237 บาท) ต่อ 100 กก.
สำหรับราคารับซื้อจากเกษตรกรเท่ากับ 96,080 รูเปีย (ประมาณ 1,057 บาท) ต่อน้ำตาล 100 กก. ซึ่งเป็น
ราคาที่ BULOG ประกาศเมื่อปลายเดือนเมษายน 1997 นี้ โดยเพิ่มขึ้นจากราคา 91,080 รูเปียต่อน้ำตาล
100 กก. ที่คงตัวมาตลอดตั้งแต่ปี 1995
8. การนำเข้าสูงขึ้น
การผลิตในประเทศที่ลดต่ำลงและการบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อินโดนีเซียต้องนำเข้าน้ำตาล
มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นคือ น้ำตาลนำเข้ามีคุณภาพดีกว่าแต่ราคาถูกกว่าน้ำตาลในประเทศ จากข้อมูลของ
สำนักงานสถิติ ปี 1996 อินโดนีเซียนำเข้าน้ำตาลประมาณ 1 ล้านตัน มูลค่า 429.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่า
การนำเข้ามากเป็นอันดับสองรองจากการนำเข้าข้าว
การนำเข้าน้ำตาลของอินโดนีเซีย ปี 1991 - 1996
ปี ปริมาณ มูลค่า
(ตัน) (พันเหรียญสหรัฐฯ)
1991 309,290 110.77
1992 327,729 111.36
1993 226,270 71.20
1994 118,830 43.35
1995 544,023 245.50
1996* 1,017,407 429.80
หมายเหตุ : * ปี 1996 เป็นตัวเลขประมาณการ
ที่มา : Central Bureau of Statistics
9. ไทยเป็นแหล่งนำเข้าที่สำคัญ
อินโดนีเซียต้องนำเข้าน้ำตาลจากหลาย ๆ ประเทศ โดยนำเข้าจากไทยมากที่สุดเกือบ 50% ของ
การนำเข้าน้ำตาลทั้งหมด นำเข้าจากไทย 2.6 แสนตัน มูลค่า 116.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 1995
แหล่งนำเข้าอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ บราซิล สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย ปากีสถาน และเกาหลีใต้
10. การบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้น
การบริโภคน้ำตาลรวมทั้งประเทศซึ่งคำนวณจากปริมาณการผลิตรวมกับการนำเข้า ในช่วงปี 1991-1996
มีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3.9% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชาการ และการบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยต่อคน
ที่เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3% ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารประเภท ของว่าง เครื่องขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม
ที่ไม่มีแอลกอฮอร์ เป็นต้น
การบริโภคน้ำตาลในอินโดนีเซีย ปี 1991-1996
ปี การผลิต การนำเข้า การบริโภครวม % การบริโภค/คน %
(ตัน) (ตัน) (ตัน) (ก.ก)
1991 2,252,666 303,566 2,556,232 - 13.9 -
1992 2,306,430 329,728 2,636,158 3.1 14.2 2.2
1993 2,452,720 226,269 2,678,999 1.5 14.2 0.0
1994 2,453,566 118,829 2,572,395 -3.9 13.4 -5.6
1995 2,096,470 543,296 2,639,766 2.5 13.5 0.7
1996** 2,094,065 975,800 3,069,865 16.3 15.5 14.8
อัตราเพิ่มเฉลี่ย 3.9 3.0
หมายเหตุ : * การบริโภคเฉลี่ยต่อคน = (การผลิต+การนำเข้า) จำนวนประชากร
** ปี 1996 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
11. ปัญหา
1. ประสิทธิภาพในการผลิตต่ำ เนื่องจากโรงงานกระจุกตัวอยู่บนเกาะชวาส่วนใหญ่เป็นโรงงาน
เก่าล้าสมัย รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ปิดโรงงานที่ล้าสมัยในเกาะชวาถึง 27 โรง ทั้ง ๆ ที่ได้รับการทักท้วงจาก
สมาคมในเรื่องการว่างงานของกรรมกร
โรงงานที่กำหนดจะต้องปิดในปี 1997 มี 15 โรง ความสามารถในการผลิตรวมทั้งสิ้น 34,996 ตัน/วัน
(รายละเอียดปรากฎในตารางที่ 4 ที่แนบ) อย่างไรก็ดีกระบวนการปิดโรงงานตามที่ระบุไว้ว่าจะเสร็จในปีนี้นั้น
ยังเป็นที่สงสัยว่าไม่น่าจะกระทำได้ในระยะสั้น
2. ปริมาณการผลิตน้ำตาลในปี 1995-1996 ลดลงมาก เนื่องจากการลดปริมาณผลผลิตอ้อยและเนื้อที่
ปลูกอ้อยโดยเฉพาะในเกาะชวาสาเหตุจากพื้นที่ดังกล่าวถูกนำไปใช้ในกิจกรรมอื่น ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น
บ้านที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม และการปลูกพืชอาหารอื่น เป็นต้น และมีบางส่วนที่ย้ายไปทำไร่อ้อยในพื้นที่
ห่างไกลจากโรงงานมากขึ้นและดินมีคุณภาพต่ำลง
3. การตั้งโรงงานนอกเกาะชวายังมีอุปสรรคหลายประการ ส่วนหนึ่งมาจากการขาดพื้นที่อุดมสมบูรณ์
พอสำหรับการปลูกอ้อย และขาดแคลนแรงงานที่ความชำนาญ เกษตรกรที่อยู่นอกเกาะชวาไม่มีประสบการณ์ในการ
ปลูกอ้อย ซึ่งปัญหาอ้อยไม่พอป้อนโรงงานก็ไม่สามารถช่วยให้โรงงานมีประสิทธิภาพที่สูงพอกับค่าใช้จ่ายในการลงทุน
มีโรงงานหลายแห่งที่ประสบปัญหานี้
4. มาตรการที่กำหนดให้ผู้ผลิตน้ำตาลจะต้องจำหน่ายผลผลิตที่ผลิตได้ 96% ให้แก่ BULOG ส่วนที่เหลือ 4%
จึงสามารถจำหน่ายสู่ตลาดโดยตรงได้นั้น ทำให้ธุรกาิจเอกชนไม่สนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมนี้
12. การแก้ไขปัญหาและมาตรการของรัฐ
รัฐบาลมีนโยบายปิด/ย้ายโรงงานเก่าที่ล้าสมัยบนเกาะชวาไปบริเวณนอกเกาะชวาเพื่อเพิ่มปริมาณและ
ประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลของประเทศในการเตรียมตัวที่จะต้องเข้าสู่ตลาดเสรีในปี 2003 พยายามใช้มาตรการ
จูงใจให้เอกชนตั้งโรงงานนอกเกาะชวาโดยเพิ่มสัดส่วนที่จะสามารถจำหน่ายผลผลิตสู่ตลาดได้โดยตรงเป็น
75% สำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่บนเกาะสุลาเวสี มาลูดู และอิเรียน จายา
50% สำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่บนเกาะสุมาตรา บาหลี และกาลิมันตัน
นอกจากนั้นยังให้สิทธิการเช่าที่ปลูกอ้อยได้ยาวนานถึง 30-35 ปี
ในปีนี้จะมีโรงงานตั้งใหม่อย่างน้อย 8 แห่ง นอกเกาะชวา ซึ่งแต่ละโรงงานมีความสามารถในการผลิต
อยู่ในระหว่าง 5,000-8,000 ตันต่อวัน โดยจะตั้งในจังหวัด ลัมปุง สุลาเวสีใต้ สุลาเวสีตะวันออกเฉียงใต้
สุมาตราใต้ ติมอร์ตะวันออก นุสาตังการาตะวันตก และอิเรียนจายา
ปริมารการผลิตน้ำตาลตามแผนของรัฐบาล ปี 1996-2000
หน่วย : ตัน
ปี เกาะชวา นอกเกาะชวา ปริมาณการผลิตรวม
1996 1,700,000 704,248 2,404,248
1997 1,700,000 850,016 2,550,016
1998 1,620,000 905,016 2,525,016
1999 1,540,000 1,225,016 2,765,016
2000 1,460,000 1,511,688 2,971,688
13. แนวโน้ม
การสร้างโรงงานใหม่นอกเกาะชวาจำนวน 27 โรงเพื่อทดแทนโรงงานในเกาะชวาที่จะต้องปิดลงนั้น
คาดกันว่าจะต้องใช้เงินทุนสูงถึง 9.45 ล้านล้านรูเปีย (ประมาณ 1 แสนล้านบาท) รวมทั้งยังมีอุปสรรคหลายอย่าง
ในการขยายการผลิตบริเวณนอกเกาะชวา เช่นการขาดพื้นที่อุดมสมบูรณ์ปลูกอ้อย ขาดแคลนกำลังคนที่มีความชำนาญ
เป็นต้น
ภายในระยะ 4-5 ปีนี้ ปริมาณการผลิตจะยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร ขณะที่การบริโภคจะยังคงขยายตัว
ตามจำนวนประชากรและการบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยต่อคนที่เพิ่มขึ้น เป็นที่คาดกันว่าอินโดนีเซียต้องพึ่งพาการนำเข้า
เพื่อทดแทนความขาดแคลนน้ำตาลกว่า 1 ล้านตันในปีนี้ และภายในระยะ 5 ปี ข้างหน้าการนำเข้าจะยังคงมี
แนวโน้มสูงขึ้นอีก
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ
ตารางที่ 1
โรงงานน้ำตาลและกำลังการผลิตปี 1996
ชื่อ สถานที่ตั้ง จำนวน กำลังการผลิต
(ตัน : วัน)
โรงงานของรัฐ
1. PTPN II สุมาตราเหนือ 2 7,694
2. PTPN VII สุมาตราใต้ 2 9,894
3. PTPN IX ชวากลาง 13 27,032
4. PTPN X ชวาตะวันออก 24 81,586
5. PTPN XIII กลิมันตันใต้ 1 5,000
6. PTPN XIV อูจุงปันดัง 3 7,941
7. PTPN XI ชวาตะวันออก 5 10,400
8. PTP XIV ชวาตะวันออก 8 16,772
58 166,319
โรงงานเอกชน
1. PT. Trigunabina ชวากลาง/ตะวันออก 2 6,218
2. PT. Candi ชวาตะวันออก 1 1,823
3. PT. Rajawali Nusindo ชวากลาง/ตะวันออก 3 11,019
4. PT. Madu Baru ยอคจาการ์ตา 1 3,011
5. PT. Gunung Madu ลัมปุง (Lumpung) 1 9,500
6. PT. Gula Putih Mataram ลัมปุง (Lumpung) 1 8,260
7. PT. Sweet Indo ลัมปุง (Lumpung) 1 10,000
8. PT. Bapippundip ชวากลาง 1 2,716
9. PT. Naga Manis สุราเวสีเหนือ 1 10,000
12 62,547
รวมทั้งสิ้น 70 228,866
หมายเหตุ : PTPN = state-owned limited liability plantation company
ที่มา : Indonesian Sugar Council/Data Consult
ตารางที่ 2
โครงสร้างต้นทุนและราคาน้ำตาลของอินโดนีเซีย
Cost component 1995 1997
- Provenue price of sugar 91,080 96,080
- VAT 10% 9,108 9,608
- Insurance 20 20
- Village Cocperative's exploitation and managemen 250 250
- Bank fee 6,085 6,085
- BULOG's management fee 350 350
- P3GL sugar research fund 100 100
- Selling price sugar to BULOG at factory level 106,993 112,493
- Quility Premium 1,500 1,500
- Price of bages + VAT 1,815 1,815
- Inner bags + VAT 308 308
- VAT/Income Tax/Warchouse exploitation 3,320 3,320
- Distributor's purchase price 113,936 119,436
- Distributor's selling price 124,191 125,408
- Whoiesaler's selling price 135,989 136,068
- Retialer's selling price 149,588 149,675
ที่มา : Department of Finance
ตารางที่ 3
การนำเข้าน้ำตาลของอินโดนีเซียจำแนกตามรายประเทศปี 1995
ประเทศ ปริมาณ มูลค่า สัดส่วนของมูลค่า
(ตัน) (พันเหรียญสหรัฐฯ) (%)
ไทย 261,712 116,889 47.6
บราซิล 62,006 27,590 11.3
สาธารณรัฐประชาชนจีน 48,114 21,203 8.6
ปากีสถาน 38,575 18,272 7.5
เกาหลีใต้ 37,356 17,881 7.3
ออสเตรเลีย 39,805 16,250 6.6
เยอรมัน 25,563 12,779 5.2
มาเลเซีย 6,691 3,247 1.3
ประเทศอื่น ๆ 23,474 11,240 4.6
รวม 543,296 245,351 100.0
ที่มา : Central Bureau of Statistics
ตารางที่ 4
โรงงานที่กำหนดปิดทำการในปี 1997
ชื่อโรงงาน สถานที่ตั้ง กำลังการผลิต
Krebet Baru II ชวาตะวันออก 3,827
Kebon Agung ชวาตะวันออก 3,640
Lestari ชวาตะวันออก 3,547
Pakis Baru ชวาตะวันออก 3,315
Madukismo ชวากลาง 3,215
Sragi ชวากลาง 3,155
Trangkil ชวากลาง 3,014
Banjaratma ชวากลาง 1,400
Ceper Baru ชวากลาง 1,430
Colomadu ชวากลาง 1,070
Cepiring ชวากลาง 1,980
Tulangan ชวาตะวันออก 1,436
Kerembung ชวาตะวันออก 1,593
Krian ชวาตะวันออก 1,224
Kalibagor ชวากลาง 1,150
ที่มา : Department of Agriculture
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 11 / 15 มิถุนายน 2540--