ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 40 /2542 นางธัญญา ศิริเวทิน รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงว่า เมื่อวันที่ 29กรกฎาคมที่ผ่านมาคณะกรรมการธนาคารฯได้ให้ความเห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับโครงสร้างองค์กรตามข้อเสนอของสำนักงานโครงการปรับองค์กรร่วมกับบริษัท A.T.Kearney ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการที่ธนาคารได้ว่าจ้างให้ทำการออกแบบโครงสร้างองค์กรปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ นางธัญญา ศิริเวทินได้ชี้แจงวิธีการที่ใช้ในการวางทิศทางการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ว่าธนาคารได้ดำเนินการหาข้อมูลเพื่อวางแนวทางในการกำหนดทิศทางการปรับองค์กรในหลายรูปแบบอาทิการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการแก่ผู้บริหารระดับสูงในการกำหนดวัตถุประสงค์หลักวิสัยทัศน์และค่านิยมร่วมจัดทำแบบสำรวจเพื่อประเมินค่านิยมและพฤติกรรมภายในธนาคารวิเคราะห์โครงสร้างและการปฏิบัติงานของธนาคารกลางอื่นอีก 16 แห่งการออกแบบสอบถามผู้บริหารและพนักงานเพื่อวินิจฉัยถึงสิ่งจำเป็นที่ต้องปรับปรุงภายในธนาคารแห่งประเทศไทยและขั้นตอนที่สำคัญในโครงการนี้ก็คือการสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธนาคารเช่น ผู้บริหารสถาบันการเงิน นักการเมือง นักวิชาการและนักหนังสือพิมพ์รวมทั้งสิ้นกว่า 30 ท่าน การปรับองค์กรครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญ 2 ประการซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรต่อไปในอนาคต คือ 1) เป้าหมายแรก เน้นบทบาทของธนาคารต่อสังคมไทย คือ มุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินมีความมั่นคง มีเสถียรภาพเพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนอันจะนำมาซึ่งการยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่องโดยธนาคารจะดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อสนับสนุนตลาดตราสารหนี้ระยะยาว เครื่องมือทางการเงินในตลาดเงินระยะสั้นและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ที่จะพัฒนาให้ระบบการเงินมีความพร้อมต่อการแข่งขันโดยจะใช้มาตรฐานการกำกับสถาบันการเงินที่เป็นระบบสากลมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพทางด้านการบริหารความเสี่ยงภายในภาคการเงิน เป็นต้น 2) เป้าหมายที่สอง ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาภายในองค์กรของธนาคารเอง กล่าวคือ การทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรที่มุ่งมั่น เรียนรู้ พัฒนาตนเองอยู่เสมอ พร้อมรับและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวและทันสถานการณ์ ธนาคารจะดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น ปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในธนาคาร ซึ่งรวมถึงการลดขั้นตอนงานในแต่ละส่วนงานและระหว่างส่วนงาน ปรับปรุงทักษะด้านการบริหาร การตัดสินใจในเชิงธุรกิจ ความรับผิดชอบและความโปร่งใส ปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการ (governance)ภายใน ปรับปรุงระบบงานสนับสนุน อาทิ ระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและงานทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องและสนับสนุนระบบการทำงานภายในทั่วทั้งธนาคาร ท้ายที่สุดการปรับปรุงคุณภาพงานประชาสัมพันธ์ที่ทันการณ์และโปร่งใสแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน น่าจะช่วยให้ภาพพจน์ของธนาคารดีขึ้นซึ่งจะช่วยทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย มีอิสระในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ มากขึ้นเช่นเดียวกับธนาคารกลางชั้นนำของโลก โครงสร้างใหม่ของธนาคาร 1) หลักการที่ใช้ในการปรับโครงสร้างใหม่มีดังนี้คือ หนึ่งมีการจัดกลุ่มงานที่มีความเกี่ยวพันกันให้มาอยู่ด้วยกันเพื่อปรับปรุงการติดต่อสื่อสารภายในการประสานงานและการตัดสินใจ สองเน้นหน้าที่ธนาคารกลางที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หลักของธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่งานบางอย่างอาจใช้วิธีจ้างหน่วยงานภายนอกมาทำแทนหรือวางแผนที่จะโอนงานดังกล่าวให้ภาคเอกชนดำเนินการแทนสาม การทำงานในอนาคตจะเน้นงานนโยบายและกลยุทธ์ต่าง ๆมากกว่างานปฏิบัติการหรือธุรกรรมรายย่อย และท้ายสุดพัฒนาระบบการตัดสินใจและประสิทธิภาพการทำงานภายในของธนาคารโดยลดขั้นตอนการตัดสินใจให้สั้นลง 2) โครงสร้างองค์กรใหม่จะประกอบด้วยธุรกิจหลัก 5 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านเสถียรภาพการเงิน รับผิดชอบในการกำหนดและดำเนินการด้านนโยบายการเงิน 2. ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงินรับผิดชอบในการกำกับและดูแลนโยบายเกี่ยวกับสถาบันการเงิน 3. ด้านฟื้นฟูสถาบันการเงินรับผิดชอบในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหา 4. ด้านวางแผน รับผิดชอบในด้านทรัพยากรบุคคล การบริหารความเสี่ยงการวางแผนกลยุทธ์ และงานสำคัญเชิงกลยุทธ์อื่น ๆ 5. ด้านบริหาร รับผิดชอบดูแลระบบงานสนับสนุนอื่น ๆ และงานปฏิบัติการภายในธนาคาร 3) ฝ่ายงานที่เพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กรผลจากการปรับองค์กรจะทำให้มีส่วนงานใหม่เพิ่มขึ้น 2 ส่วนงานซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ธนาคารมีการรวมศูนย์กระบวนการทำงานหลักของธนาคารเพื่อให้การบริหารงานมีความชัดเจนขึ้นโดยฝ่ายวางแผนจะรับผิดชอบในด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารความเสี่ยงและโครงการปรับองค์กรส่วนฝ่ายฐานข้อมูลจะรับผิดชอบทางด้านการจัดเก็บและการจัดการข้อมูลเพื่อส่วนงานต่างๆในธนาคาร 4) มีตำแหน่งรองผู้ว่าการเพิ่มขึ้น 1 ตำแหน่ง รวมทั้งสิ้นเป็น 3 ตำแหน่งทั้งนี้ หน้าที่ของตำแหน่งรองผู้ว่าการจะมีการแบ่งออกเป็น 3 หน้าที่หลัก คือการบริหารงานด้านเสถียรภาพทางการเงินการบริหารงานด้านเสถียรภาพของระบบสถาบันเงิน และการบริหารงานภายในของธนาคารการแบ่งหน้าที่ระหว่างรองผู้ว่าการทั้งสามท่านจะคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องระหว่างความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญกับหน้าที่ความรับผิดชอบของรองผู้ว่าการแต่ละท่าน 5)การดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรตามโครงการต่างๆที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการธนาคารมีทั้งสิ้นกว่า 60โครงการซึ่งจะต้องทะยอยดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนและค่อยเป็นค่อยไปในระยะ 2-3ปีข้างหน้า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักของธนาคารที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในที่สุดส่วนงานต่าง ๆ และกระบวนการทำงานที่สำคัญต่างๆในธนาคารจะได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างไรก็ดีธนาคารจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและจัดให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรอย่างเหมาะสม การดำเนินโครงการในระยะหกเดือนแรกต่อไปนี้จะมีทั้งโครงการที่ธนาคารได้ดำเนินการไปบ้างแล้วและโครงการใหม่โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานโครงการปรับองค์กรและบริษัท A.T. Kearney ซึ่งมี 7 โครงการ จะมีการดำเนินการในระหว่างเดือนสิงหาคม 2542ถึง มกราคม 2543 ดังนี้ โครงการแรก คือ การพัฒนากลยุทธ์ทางด้านทรัพยากรบุคคลเพื่อให้มีความสอดคล้องกันระหว่างความสามารถของบุคลากรและความต้องการเชิงธุรกิจของหน่วยงาน โครงการที่สอง คือ โครงการปรับปรุงการจัดเก็บและการจัดการข้อมูล รวมทั้งจะมีจัดตั้งฝ่ายฐานข้อมูลขึ้น เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพของกระบวนการจัดเก็บและจัดการข้อมูลหลัก และลดภาระในการจัดหาข้อมูลของสถาบันการเงินและบุคคลภายนอก โครงการที่สาม ทบทวนและกำหนดสายงานบังคับบัญชาและอำนาจในการตัดสินใจใหม่ เพื่อปรับปรุงการบริหารงานภายใน ลดขั้นตอนในการตัดสินใจ และส่งเสริมให้พนักงานแต่ละคนมีความรับผิดชอบในการตัดสินใจในงานของตน โครงการที่สี่ มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้มีการใช้ระบบบาทเน็ตเพิ่มขึ้นเพื่อการโอนเงินสำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงเพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพของระบบบาทเน็ตและภาคการเงินโดยรวม โครงการที่ห้า เป็นโครงการที่จะเริ่มนำโครงสร้างองค์กรใหม่มาใช้ปฏิบัติ ซึ่งจะรวมถึงการโอนงานภายในส่วนงานต่าง ๆ ด้วย โครงการที่หก มุ่งเน้นให้มีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมภายในองค์กรของธนาคาร โดยในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นที่การปรับปรุงคุณภาพของโครงการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรของธนาคาร โครงการที่เจ็ด สำนักงานโครงการปรับองค์กรจะดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานบริหารโครงการเพื่อจัดการและประสานงานระหว่างโครงการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการปรับปรุงองค์กรภายในธนาคารเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และสำเร็จลุล่วงตามตารางเวลาที่กำหนดในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้าธนาคารแห่งประเทศไทยจะได้แจ้งความคืบหน้าในการพัฒนาองค์กรให้สื่อมวลชนได้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป ธนาคารแห่งประเทศไทย 3 สิงหาคม 2542