‘พรรคประชาธิปัตย์’ ไม่เห็นด้วย ‘รัฐบาล’ เตรียมแก้กฎหมาย จัดสรรงบท้องถิ่น จาก 35% เหลือเพียง 24% ชี้รัฐบาลจัดสรรได้ แต่ไม่ทำเอง ระบุ หากยังดึงดัน ระวังจะเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนในท้องถิ่นกับรัฐบาล
วันนี้ (24 ก.พ.48) เวลา 11.30น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้หลักดันการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น แถลงกรณีที่รัฐบาลจะแก้ไขกฎหมายโอนงบประมาณให้ท้องถิ่นในปี 2549 จากเดิมที่กฎหมายบังคับให้รัฐบาลต้องจัดสรรให้ 35% ของงบประมาณทั้งหมด เหลือเพียง 24% โดยอ้างว่าท้องถิ่นยังไม่มีความจำเป็นจะใช้ว่า รัฐบาลกำลังประเมินข้อกฎหมายผิดพลาด เพราะพระราชบัญญัติ(พรบ.)แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ใช่พรบ.ทั่วไป แต่เป็นพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งออกโดยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่บังคับให้มีการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้อถิ่น โดยกำหนดระยะเวลาในการถ่ายโอนกิจการอำนาจ งบประมาณ ไว้ในกฎหมายด้วย ดังนั้นการที่รัฐบาลอ้างว่าที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณได้ เพราะท้องถิ่นยังไม่มีความจำเป็นหรือยังไม่มีความสามารถที่จะใช้งบประมาณตามที่ถ่ายโอนให้ได้นั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่จริง เรื่องจริงคือที่ผ่านมา รัฐบาลกำหนดการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นในอัตราที่ต่ำมาตั้งแต่ต้น
‘รัฐบาลจัดสรรงบประมาณลงไปในท้องถิ่น โดยในปี 44 คิดเป็น 20.68% ในปี 45 เพิ่มขึ้นเป็น 21.88% ปี 46 เพิ่มขึ้น 22.19% ปี 47 เพิ่มขึ้น 22.75% และปี 48 เพิ่มขึ้น 24.50% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของการถ่ายโอนงบประมาณนั้นเป็นตัวเลขที่ต่ำ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจงใจไม่ถ่ายโอนงบประมาณให้องค์กรท้องถิ่นมาตั้งแต่แรก นอกจากนั้นกฎหมายยังบังคับอีกว่าในปี 49 รัฐบาลจะต้องถ่ายโอนให้ครบ 35% เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าช่องว่างระหว่างปี 48 — 49 จำนวน 24.50% ถึง 35% นั้น เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 10 กว่าเปอร์เซนต์ รัฐบาลต่างหากที่ไม่สามารถถ่ายโอนงบประมาให้ท้องถิ่นได้ เพราะรัฐบาลไม่มีความตั้งใจมาตั้งแต่ต้น’ นายชำนิกล่าว
นายชำนิ ได้กล่าวถึงเหตุผลที่รัฐบาลไม่สามารถกระจายอำนาจและจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นดังนี้ 1.รัฐบาลไม่ถ่ายโอนภารกิจให้กับท้องถิ่น ทำให้ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณได้ ทั้งเรื่องการศึกษา โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข เป็นต้น 2.รายได้จำนวนมากที่มาจากท้องถิ่น เช่น ภาษีจากเหล้า บุหรี่ สลากกินแบ่งรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับเอางบประมาณเหล่านี้แยกไว้นอกงบประมาณแผ่นดินเพื่อเก็บไว้ใช้เอง 3. รัฐบาลจัดเป็นงบกลางโดยมอบอำนาจทุกอย่างให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ โดยใช้วิธีขายตรงจากทำเนียบฯสู่หมู่บ้าน เช่น กองทุนหมู่บ้าน โครงการ SML แม้กระทั่งการทัวร์นกขมิ้นของนายกฯ ก็ดึงเงินจากงบกลางมาใช้
‘ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอที่จะถ่ายโอนให้เป็นไปตามสัดส่วนที่เหมาะสมได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ พรรคประชาธิปัตย์เองก็เคยเสนอเรื่องนี้มาตั้งแต้นแล้วว่าในปี 2545 ควรจะถ่ายโอนงบประมาณ 23% ปี 46 ถ่ายโอน 26% ปี 47 ถ่ายโอน 29% ปี 48 ถ่ายโอน 31% เพราะฉะนั้นในปี 2549 ก็จะครบ 35% ได้เองโดยไม่ต้องมีการแก้ไขพระราชบัญญัติใดๆ เพราะฉะนั้นการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยแผนขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่น เพื่อลดงบประมาณท้องถิ่นให้เหลือเพียง 24% นั้น จึงเป็นการนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างท้องถิ่นกับรัฐบาลกลาง และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจะเผชิญหน้ากับประชาชนในท้องถิ่นด้วย พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาครั้งนี้ เพราะประชาธิปัตย์ประกาศมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล 35% จะถ่ายนโอนทันทีในปี 2549 ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนว่าจะแก้ไขกฎหมายฉบับนี้หรือไม่อีกครั้งหนึ่ง ผมถือว่าการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ถือเป็นการฆ่าตัดตอนท้องถิ่นโดยแท้’ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลอ้างว่าในท้องถิ่นมีการทุจริตมาก นายชำนิกล่าวว่า ปัญหาเรื่องการทุจริตไม่ได้มีเฉพาะในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะในส่วนราชการทุจริตคอร์รัปชั้น ในระดับรัฐบาลก็มีการทุจริตเชิงนโยบาย เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือรัฐบาลตั้งใจที่จะทำตามรัฐธรรมนูญ ที่ตั้งใจกระจายอำนาจ กระจายโอกาส กระจายความเจริญให้กับท้องถิ่นโดยการให้ประชาชนมีส่วนร่วมหรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (24 ก.พ.48) เวลา 11.30น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้หลักดันการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น แถลงกรณีที่รัฐบาลจะแก้ไขกฎหมายโอนงบประมาณให้ท้องถิ่นในปี 2549 จากเดิมที่กฎหมายบังคับให้รัฐบาลต้องจัดสรรให้ 35% ของงบประมาณทั้งหมด เหลือเพียง 24% โดยอ้างว่าท้องถิ่นยังไม่มีความจำเป็นจะใช้ว่า รัฐบาลกำลังประเมินข้อกฎหมายผิดพลาด เพราะพระราชบัญญัติ(พรบ.)แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ใช่พรบ.ทั่วไป แต่เป็นพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งออกโดยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่บังคับให้มีการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้อถิ่น โดยกำหนดระยะเวลาในการถ่ายโอนกิจการอำนาจ งบประมาณ ไว้ในกฎหมายด้วย ดังนั้นการที่รัฐบาลอ้างว่าที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณได้ เพราะท้องถิ่นยังไม่มีความจำเป็นหรือยังไม่มีความสามารถที่จะใช้งบประมาณตามที่ถ่ายโอนให้ได้นั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่จริง เรื่องจริงคือที่ผ่านมา รัฐบาลกำหนดการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นในอัตราที่ต่ำมาตั้งแต่ต้น
‘รัฐบาลจัดสรรงบประมาณลงไปในท้องถิ่น โดยในปี 44 คิดเป็น 20.68% ในปี 45 เพิ่มขึ้นเป็น 21.88% ปี 46 เพิ่มขึ้น 22.19% ปี 47 เพิ่มขึ้น 22.75% และปี 48 เพิ่มขึ้น 24.50% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของการถ่ายโอนงบประมาณนั้นเป็นตัวเลขที่ต่ำ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจงใจไม่ถ่ายโอนงบประมาณให้องค์กรท้องถิ่นมาตั้งแต่แรก นอกจากนั้นกฎหมายยังบังคับอีกว่าในปี 49 รัฐบาลจะต้องถ่ายโอนให้ครบ 35% เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าช่องว่างระหว่างปี 48 — 49 จำนวน 24.50% ถึง 35% นั้น เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 10 กว่าเปอร์เซนต์ รัฐบาลต่างหากที่ไม่สามารถถ่ายโอนงบประมาให้ท้องถิ่นได้ เพราะรัฐบาลไม่มีความตั้งใจมาตั้งแต่ต้น’ นายชำนิกล่าว
นายชำนิ ได้กล่าวถึงเหตุผลที่รัฐบาลไม่สามารถกระจายอำนาจและจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นดังนี้ 1.รัฐบาลไม่ถ่ายโอนภารกิจให้กับท้องถิ่น ทำให้ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณได้ ทั้งเรื่องการศึกษา โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข เป็นต้น 2.รายได้จำนวนมากที่มาจากท้องถิ่น เช่น ภาษีจากเหล้า บุหรี่ สลากกินแบ่งรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับเอางบประมาณเหล่านี้แยกไว้นอกงบประมาณแผ่นดินเพื่อเก็บไว้ใช้เอง 3. รัฐบาลจัดเป็นงบกลางโดยมอบอำนาจทุกอย่างให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ โดยใช้วิธีขายตรงจากทำเนียบฯสู่หมู่บ้าน เช่น กองทุนหมู่บ้าน โครงการ SML แม้กระทั่งการทัวร์นกขมิ้นของนายกฯ ก็ดึงเงินจากงบกลางมาใช้
‘ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอที่จะถ่ายโอนให้เป็นไปตามสัดส่วนที่เหมาะสมได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ พรรคประชาธิปัตย์เองก็เคยเสนอเรื่องนี้มาตั้งแต้นแล้วว่าในปี 2545 ควรจะถ่ายโอนงบประมาณ 23% ปี 46 ถ่ายโอน 26% ปี 47 ถ่ายโอน 29% ปี 48 ถ่ายโอน 31% เพราะฉะนั้นในปี 2549 ก็จะครบ 35% ได้เองโดยไม่ต้องมีการแก้ไขพระราชบัญญัติใดๆ เพราะฉะนั้นการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยแผนขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่น เพื่อลดงบประมาณท้องถิ่นให้เหลือเพียง 24% นั้น จึงเป็นการนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างท้องถิ่นกับรัฐบาลกลาง และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจะเผชิญหน้ากับประชาชนในท้องถิ่นด้วย พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาครั้งนี้ เพราะประชาธิปัตย์ประกาศมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล 35% จะถ่ายนโอนทันทีในปี 2549 ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนว่าจะแก้ไขกฎหมายฉบับนี้หรือไม่อีกครั้งหนึ่ง ผมถือว่าการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ถือเป็นการฆ่าตัดตอนท้องถิ่นโดยแท้’ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลอ้างว่าในท้องถิ่นมีการทุจริตมาก นายชำนิกล่าวว่า ปัญหาเรื่องการทุจริตไม่ได้มีเฉพาะในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะในส่วนราชการทุจริตคอร์รัปชั้น ในระดับรัฐบาลก็มีการทุจริตเชิงนโยบาย เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือรัฐบาลตั้งใจที่จะทำตามรัฐธรรมนูญ ที่ตั้งใจกระจายอำนาจ กระจายโอกาส กระจายความเจริญให้กับท้องถิ่นโดยการให้ประชาชนมีส่วนร่วมหรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-