สวนดุสิตโพลล์: ประชาชน “สมหวัง” หรือ “ผิดหวัง” กับ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ”

ข่าวผลสำรวจ Friday March 18, 2011 15:55 —สวนดุสิตโพล

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนที่มีต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ดำเนินการอภิปรายมาถึงวันสุดท้าย ก่อนที่จะมีการลงมติว่าไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเก็บข้อมูลจากผู้ติดตามการอภิปราย ระหว่าง วันที่ 17-18 มีนาคม 2554 จากกลุ่มตัวอย่าง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,187 คน สรุปผลได้ดังนี้

1. “ความคุ้มค่า” กับการติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
อันดับ 1 ไม่คุ้มค่า 61.29%

เพราะ ข้อมูลที่ทั้ง 2 ฝ่ายนำมาอภิปรายเป็นเรื่องเก่า ไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักหรือชัดเจนมากพอ ,มุ่งแต่เอาชนะคะคานกันเหมือนเดิม ฯลฯ

อันดับ 2 คุ้มค่า 38.71%

เพราะ ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆมากขึ้น ได้รับรู้ถึงความก้าวหน้าและผลงานของรัฐบาล ,ได้เห็นประสิทธิภาพและความสามารถในการอภิปรายของทั้ง 2 ฝ่าย ฯลฯ

2. “ความสมหวัง” “ผิดหวัง” จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
อันดับ 1 ผิดหวัง 78.91%

เพราะ บรรยากาศในการอภิปรายยังเหมือนเดิม มีแต่ทะเลาะกัน การใช้วาจา กริยาที่ไม่สุภาพ ,พาดพิงถึงบุคคลภายนอก ฯลฯ

อันดับ 2 สมหวัง 21.09%

เพราะ ได้รับรู้ประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลมีการเตรียมข้อมูลมาอภิปรายอย่างเต็มที่ ฯลฯ

3. จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เรื่องที่ประชาชน “สมหวัง” คือ
อันดับ 1 ได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และชัดเจนมากขึ้น 38.90% อันดับ 2 ได้เห็นบุคคลสำคัญของแต่ละฝ่ายขึ้นมาอภิปรายและชี้แจงในเรื่องต่างๆ 32.38% อันดับ 3 ไม่เกิดเหตุการณ์ประท้วงจนทำให้เกิดสภาล่ม 28.72% 4. จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เรื่องที่ประชาชน “ผิดหวัง” คือ อันดับ 1 เนื้อหาที่นำมาอภิปรายเป็นเรื่องเก่า ที่นำมาพูดซ้ำๆ /ไม่มีข้อมูลแปลกใหม่ 35.61% อันดับ 2 ต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์ ต้องการที่จะเอาชนะกันมากกว่าคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน 34.20% อันดับ 3 การใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ การแสดงกริยามารยาทที่ไม่เหมาะสม 30.19% 5. สิ่งที่ประชาชน “ประทับใจ” จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คือ อันดับ 1 การชี้แจงประเด็นที่ถูกอภิปรายของนายกฯ อภิสิทธิ์ 43.09% อันดับ 2 ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาพูดโดยเฉพาะข้อมูลของจตุพร พรหมพันธุ์ 29.67% อันดับ 3 การควบคุมการอภิปรายของประธานในที่ประชุม 27.24% 6. สิ่งที่ประชาชน “เบื่อหน่าย” จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คือ อันดับ 1 การใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ ถ้อยคำหยาบคาย /การใช้อารมณ์ 40.08% อันดับ 2 ประเด็นที่นำมาอภิปรายส่วนใหญ่เป็นเรื่องเดิมๆ 33.89% อันดับ 3 การถาม —ตอบ ไม่ตรงประเด็น ของทั้ง 2 ฝ่าย 26.03% 7. จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความนิยมของ “พรรคประชาธิปัตย์” อย่างไร? อันดับ 1 นิยมพรรคประชาธิปัตย์เท่าเดิม 54.14%

เพราะ ชื่นชอบนายกฯอภิสิทธิ์และชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ,การอภิปรายเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมี ฯลฯ

อันดับ 2 นิยมพรรคประชาธิปัตย์ลดลง 25.56%

เพราะ ได้เห็นการทำงานที่บกพร่องของรัฐบาล รัฐมนตรีบางคนตอบข้อคำถามได้ไม่ชัดเจน ไม่มีน้ำหนักมากพอ ฯลฯ

อันดับ 3 นิยมพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มมากขึ้น 20.30%

เพราะ รัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงส่วนใหญ่สามารถชี้แจงประเด็นต่างๆได้ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ฯลฯ

8. จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อความนิยมของ “พรรคเพื่อไทย” อย่างไร?
อันดับ 1 นิยมพรรคเพื่อไทยลดลง 46.62%

เพราะ การอภิปรายยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ขาดการควบคุมอารมณ์ ผู้อภิปรายบางคนไม่น่าสนใจ ฯลฯ

อันดับ 2 นิยมพรรคเพื่อไทยเท่าเดิม 42.10%

เพราะ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะต้องมีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ฯลฯ

นดับ 3 นิยมพรรคเพื่อไทยเพิ่มมากขึ้น 11.28%

เพราะ การอภิปรายครั้งนี้มีการเตรียมข้อมูลมาดีกว่าที่ผ่านมา สามารถชี้ให้เห็นข้อบกพร่องในการทำงานของรัฐบาลได้ ,ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีแล้ว ฯลฯ

--สวนดุสิตโพลล์--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ