หลังจากที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุว่าจะมีการยุบสภาในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอนใน
ช่วงปลายเดือนมิ.ย.หรือต้นเดือนกันยายน ส่งผลให้พรรคการเมืองต่างๆ มีการติดต่อหารือเพื่อจับขั้วทางการเมืองก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง และใช้เป็น
เงื่อนไขในการต่อรองเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง   “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัย
ราชภัฏสวนดุสิต  จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณี “การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง” จำนวนทั้งสิ้น
1,343 คน  ระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม  2554  สรุปผลได้ดังนี้
1. ใคร? ควรได้เป็น “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล”
อันดับ 1          พรรคใดก็ได้ที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้                                        42.75%
อันดับ 2          พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อรวมกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์)                    37.02%
อันดับ 3          พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่รวม ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์)                       20.23%
2. ประชาชนคิดอย่างไร? กับ “การแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล”
อันดับ 1          เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็อยากเป็นฝ่ายรัฐบาล                    33.41%
อันดับ 2          การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ /การแสวงหาอำนาจ/การชิงไหวชิงพริบทางการเมือง           27.69%
อันดับ 3          รู้สึกเบื่อ นักการเมืองแตกแยก ไม่สามัคคีกัน ประชาชนไม่กล้าฝากความหวังไว้กับนักการเมือง      23.17%
อันดับ 4          บรรยากาศการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อาจดุเดือด เกิดการสลับขั้วทางการเมือง                    15.73%
3. ประชาชนคิดว่า “พรรคที่ไม่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง” สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ?
อันดับ 1          สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้          56.02%
เพราะ  หากพรรคนั้นสามารถรวบรวมเสียงได้จำนวนมาก , ผลประโยชน์ลงตัว ,รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ ฯลฯ
อันดับ 2          ไม่ได้                       43.98%
เพราะ  การเมืองไทยที่ผ่านมายังไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน  โดยมารยาททางการเมืองพรรคที่มีคะแนนเสียง
ข้างมากย่อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ฯลฯ
4. ประชาชนคิดว่า “หัวหน้าพรรคที่ไม่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง” สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี
ได้หรือไม่ ?
อันดับ 1          สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้      53.69%
เพราะ  หากเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีฝีมือ และได้รับการยอมรับจาก ส.ส.หรือพรรคร่วมรัฐบาล ฯลฯ
อันดับ 2          ไม่ได้                       46.31%
เพราะ  คะแนนเสียงที่ได้รับไม่ได้มาจากความต้องการที่แท้จริงของประชาชน อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ฯลฯ
5. คุณสมบัติ ของ “รัฐบาล” ที่ประชาชนต้องการ คือ
อันดับ 1          มีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันในการบริหารและพัฒนาประเทศ                    52.08%
อันดับ 2          ซื่อสัตย์ สุจริต /โปร่งใส ยุติธรรม /มีคุณธรรม จริยธรรมทางการเมือง              29.84%
อันดับ 3          ประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถหลายด้าน เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ         18.08%
6. คุณสมบัติ ของ “นายกรัฐมนตรี” ที่ประชาชนต้องการ คือ
อันดับ 1          ซื่อสัตย์ สุจริต /บริหารงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน                              45.10%
อันดับ 2          เป็นผู้นำ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล กล้าคิดกล้าตัดสินใจ /พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับต่างประเทศ     34.57%
อันดับ 3          ทำตามนโยบายที่ประกาศหรือสัญญาไว้กับประชาชนในช่วงที่หาเสียง /รักษาคำพูด                        20.33%
7. “ความวิตกกังวล” ของประชาชนที่มีต่อการจัดตั้งรัฐบาลหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง   คือ
อันดับ 1          การไม่ยอมรับกับผลที่ออกมา /การชุมนุม การประท้วง ก่อเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง                         46.04%
อันดับ 2          การบริหารงานของรัฐบาลที่จะต้องรับมือ /แก้ปัญหากับวิกฤติหลายด้านของประเทศ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ 30.12%
อันดับ 3          การปฏิบัติตัว/พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักการเมือง /การทะเลาะเบาะแว้ง แย่งชิงผลประโยชน์                 23.84%
--สวนดุสิตโพลล์--
-พห-