สถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งรุนแรง ณ วันนี้ ต่างเป็นที่จับตามองและเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มคนต่างๆในสังคมอย่างกว้างขวาง การวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงหรือมุ่งเน้นแต่ความคิดเห็นของตนเองเป็นสำคัญโดยไม่พิจารณาข้อมูลให้รอบด้านอาจส่งผลกระทบตามมาภายหลังได้ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,136 คน ระหว่างวันที่ 15-18 ตุลาคม 2556 สรุปผลดังนี้
1. จากกลุ่มบุคคลต่อไปนี้ ประชาชน “ชอบ” “การวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทย” ของใคร? มากที่สุด
อันดับ 1 ประชาชนทั่วไป 79.58%
เพราะ เป็นกลุ่มคนที่สะท้อนปัญหาออกมาได้ดี นักการเมืองสามารถนำมากำหนดนโยบาย
แนวทางการแก้ปัญหาต่างๆได้ตรงจุด ฯลฯ
อันดับ 2 สื่อมวลชน 76.76%
เพราะ มีข้อมูลละเอียด เจาะลึก เกาะติดสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ
อันดับ 3 นักวิชาการ 73.24%
เพราะ มีอิสระในการแสดงความคิดเห็น มีความรู้ความสามารถ ทฤษฎีและข้อมูลที่ได้มาจากการศึกษา ฯลฯ
อันดับ 4 เอกชน /องค์กรอิสระ 69.72%
เพราะ เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่เข้าข้างใคร ไม่ถูกชี้นำทางความคิด ฯลฯ
อันดับ 5 ข้าราชการ 59.15%
เพราะ เป็นผู้ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย รู้และเข้าใจปัญหาการเมืองดี ฯลฯ
อันดับ 6 นักการเมือง 53.52%
เพราะ มีรูปแบบ ลีลาการวิพากษ์วิจารณ์ที่น่าสนใจ สร้างสีสันได้ดี ฯลฯ
2. ทำอย่างไร? “การวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทย” จึงจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ
อันดับ 1 วิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ เน้นเนื้อหาสาระและข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ 30.41%
อันดับ 2 ต้องเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช้ความคิดเห็นของตนเองเป็นหลัก 25.15%
อันดับ 3 ต้องคำนึงถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ และไม่สร้างความวุ่นวายให้กับสังคม 20.47%
อันดับ 4 ควรให้คำแนะนำ ชี้แนะแนวทาง วิธีการแก้ไขหรือทางออกที่เป็นรูปธรรมชัดเจน 17.54%
อันดับ 5 ต้องมีสติ ใช้เหตุผล มีวิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร ไม่ด่วนสรุป 6.43%
--สวนดุสิตโพลล์--