การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552 - 2561) รัฐบาลมุ่งเน้นให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและเรียนรู้ของคนไทย เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและเรียนรู้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคมในการบริหารและจัดการศึกษา เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการปฏิรูปการศึกษาไทย “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,328 คน ระหว่างวันที่ 5-14 ธันวาคม 2558 สรุปผล ได้ดังนี้
1. ประชาชนคิดว่าการปฏิรูปการศึกษาไทยเรื่องใด? ที่ควรให้ความสำคัญเร่งด่วนมากที่สุด
อันดับ 1 ครู 91.94%
อันดับ 2 การประเมินและพัฒนามาตรฐานการศึกษา 85.54%
อันดับ 3 พัฒนาคุณภาพการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ 78.31%
อันดับ 4 การบริหารจัดการ 76.18%
อันดับ 5 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา 66.64%
อันดับ 6 หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ 64.46%
2. ณ วันนี้ ประชาชนคิดว่าจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่?
อันดับ 1 ควรปรับ 84.49%
เพราะ จะทำให้หน่วยงานกำกับดูแลคุณภาพการศึกษาไทยมีมาตรฐาน
ไม่ล้าหลังกว่าประเทศในกลุ่มอาเซียน ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 12.65%
เพราะ ไม่รู้ว่าปรับแล้วจะดีขึ้นหรือไม่ ที่ผ่านมาก็ปรับมาแล้วหลายครั้ง การศึกษาจะพัฒนาและ
มีประสิทธิภาพได้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่ายมากกว่า ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ควรปรับ 2.86%
เพราะ เสียเวลา เสียงบประมาณ ต้องมาเริ่มใหม่ ควรปรับหรือแก้ไขเพียงบางส่วน
ที่มีปัญหาเท่านั้น ฯลฯ
3. ทำไม? การปฏิรูปการศึกษาจึงทำได้ยาก
อันดับ 1 ระบบการบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ หน่วยงานกำกับดูแลยังไม่ลงตัว ทำงานล่าช้า 81.33%
ยึดติดแบบเดิมๆ เป็นระบบราชการ
อันดับ 2 ครูมีปัญหาภาระงานมาก ครูไม่เพียงพอ ขาดสวัสดิการและแรงจูงใจ 71.46%
อันดับ 3 ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ ไม่ปฏิบัติอย่างจริงจัง ขาดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง 68.60%
อันดับ 4 หลักสูตรไม่ได้มาตรฐาน เปลี่ยนแปลงบ่อย ไม่ได้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เน้นท่องจำ 67.85%
งบประมาณไม่ทั่วถึง อุปกรณ์การเรียนการสอนไม่ทันสมัย
อันดับ 5 สภาพเศรษฐกิจและสังคม ฐานะความเป็นอยู่ ความเหลื่อมล้ำ 63.40%
--สวนดุสิตโพล--