สวนดุสิตโพลล์: ความรู้ ความเข้าใจของประชาชนต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ“โรคไข้หวัดใหญ่ 2009”

ข่าวผลสำรวจ Monday August 24, 2009 07:19 —สวนดุสิตโพล

ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประเมินสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ของไทย และคาดว่าจะระบาดต่อไปอีก 2-3 เดือน โดยขณะนี้โรคได้ ระบาดกระจายไปทุกจังหวัด และการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้กำหนดให้ทุกจังหวัดเริ่มดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานี อนามัย ภายใต้ยุทธศาสตร์ คือ ค้นหาเร็ว ให้เจอผู้ป่วยเร็ว และให้การรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ที่มีอาการรุนแรง เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คนอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็ก อายุต่ำกว่า 2 ปี และหญิงมีครรภ์ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของ ประชาชนต่อสถานการณ์ดังกล่าว อันจะเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินงานของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ร่วม กับ “รายการก่อนตัดสินใจ” จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 1,463 คน ระหว่างวันที่ 18- 20 สิงหาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้

1. ความรู้ ความเข้าใจของประชาชนต่อ “โรคไข้หวัดใหญ่ 2009” นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดมาจนถึงขณะนี้
อันดับ 1          มากขึ้น             82.61%

เพราะ มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการป้องกันผ่านสื่อต่างๆมากขึ้น ,เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจและพูดถึงกันมาก

ทำให้รับรู้รับทราบอยู่บ่อยๆ ,มีการให้ความรู้ที่ชัดเจนละเป็นรูปธรรมมากขึ้น ฯลฯ

อันดับ 2          เหมือนเดิม          13.53%

เพราะ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรจะรู้และปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง ฯลฯ

อันดับ 3          ไม่แน่ใจ             3.86%

เพราะ คนที่อยู่ต่างจังหวัดหรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกลอาจได้รับข้อมูลข่าวสารเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในเมือง ,

บางคนที่ทำงานแบบหาเช้ากินค่ำอาจไม่มีเวลาที่จะติดตามข่าวหรือรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ออกมา ฯลฯ

2. ประชาชนคิดว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีใด?
อันดับ 1          เข้าทางตา  จมูก  ปาก  เมื่อเกิดการสัมผัส    56.52%
อันดับ 2          ปลิวผ่านอากาศเข้าสู่ร่างกายทางจมูก          40.43%
อันดับ 3          เข้าทางผิวหนัง                           1.74%
อันดับ 4          ไม่ทราบ                                1.31%

3. คนกลุ่มใด?  ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มากที่สุด
อันดับ 1          ผู้ที่มีโรคประจำตัว                                         29.97%
อันดับ 2          หญิงมีครรภ์                                              23.17%
อันดับ 3          เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2  ขวบ                                  15.16%
อันดับ 4          คนที่มีอายุตั้งแต่ 65  ปีขึ้นไป                                 12.20%
อันดับ 5          เด็กวัยรุ่น                                                7.67%
อันดับ 6          ผู้ใหญ่วัย 40-50 ปี                                         7.32%
*          อื่นๆ เช่น ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงเหมือนกัน ,ทหาร ตำรวจ แพทย์ พยาบาล ฯลฯ   4.51%

4. วิธีการป้องกันดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ
อันดับ 1          หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด                                24.17%
อันดับ 2          ออกกำลังกายสม่ำเสมอ                               20.86%
อันดับ 3          สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน                 20.27%
อันดับ 4          ไม่เอามือขยี้ตา หยิบสิ่งของเข้าปาก                      10.53%
อันดับ 5          หยุดเรียน/หยุดงาน เมื่อป่วย                            9.36%
อันดับ 6          กินผักใบเขียวและผลไม้                                8.77%
อันดับ 7          ไม่ออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น                             3.12%
อันดับ 8          ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหาร                            1.56%
*          อื่นๆ เช่น ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง , อยู่ห่างผู้ที่ไอ จาม ฯลฯ          1.36%

5. ใคร? ควรเป็นคนสวมหน้ากากอนามัยและควรสวมในกรณีใด?บ้าง
อันดับ 1          ทั้งผู้ป่วยและคนปกติควรสวมกรณีที่อยู่ในสถานที่แออัด           62.06%
อันดับ 2          ควรสวมเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น                            20.57%
อันดับ 3          ทุกคนควรสวมตลอดเวลา                              14.54%
อันดับ 4          คนปกติไม่จำเป็นต้องสวมแม้อยู่ที่แออัด                      1.06%
อันดับ 5          ทั้งผู้ป่วยและคนปกติไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย           1.77%

6. วิธีปฏิบัติตัวกรณีที่ตัวเองหรือคนในบ้านป่วยโดยไม่ทราบว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่?
อันดับ 1          หากมีไข้สูง ไอ และเจ็บคอจะรีบพบแพทย์ทันที               65.17%
อันดับ 2          สวมหน้ากากอนามัย                                  17.60%
อันดับ 3          รีบกินยาพาราเซตามอนแล้วรอดูอาการ                    10.86%
อันดับ 4          แยกตัวเองออกมาจากคนในครอบครัว                      6.37%

7. สิ่งที่ใช้ป้องกันเวลาที่มีการไอหรือจาม
อันดับ 1          ใช้มือปิดปากเวลาไอ จาม                            70.64%
อันดับ 2          ไอ จาม ใส่แขนเสื้อ                                20.64%
อันดับ 3          ผ้าเช็ดหน้า /ทิชชู่                                   6.42%
อันดับ 4          ไอ จาม โดยไม่มีอะไรป้องกัน                          0.92%
*          อื่นๆ เช่น สมุด ,กระเป๋า ฯลฯ                              1.38%

8. ระยะห่างที่เหมาะสมในการป้องกันการติดเชื้อผ่านการไอหรือจาม ควรเป็นเท่าไหร่?
อันดับ 1          1-2 เมตร                                      52.84%
อันดับ 2          5 เมตร                                        15.91%
อันดับ 3          3-4 เมตร                                      14.20%
อันดับ 4          6-10 เมตร                                      9.09%
อันดับ 5          มากกว่า 10 เมตร                                 7.96%
9. ความคิดเห็นกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายให้หยุดงานเมื่อป่วย
อันดับ 1          เห็นด้วย                    95.96%
          เพราะ  สมควรให้ผู้ป่วยหยุดงานจนกว่าจะหาย ,จะได้ไม่แพร่เชื้อไปติดผู้อื่น ฯลฯ
อันดับ 2          ไม่เห็นด้วย                   4.04%
          เพราะ  รู้สึกว่าไม่จำเป็นเนื่องจากทำให้เสียเวลางาน ,อาจเป็นข้ออ้างสำหรับคนที่ขี่เกียจทำงาน ฯลฯ

10. มาตรการที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลประกาศออกมาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและยับยั้ง
               การเสียชีวิตที่อาจเพิ่มจำนวนมากขึ้น
อันดับ 1          เปิดเผยข้อมูลความจริง ทั้งตัวเลขการเสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ      28.76%
อันดับ 2          ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และการป้องกันตัวให้มากยิ่งขึ้น                        26.11%
อันดับ 3          ปิดทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ตามสถานที่ต่างๆทั้งรัฐและเอกชน                18.36%
อันดับ 4          แจกและกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน          13.94%
อันดับ 5          งดจัดคอนเสิร์ตตามสถานบันเทิงและตามสถานที่ต่างๆ                          6.64%
อันดับ 6          งดจัดประชุมสัมมนา /งดจัดนิทรรศการ งาน EVENT ต่างๆ                     3.98%
*          อื่นๆ เช่น ขอความร่วมมือจากทุกๆฝ่ายให้ช่วยกันทั้งภาครัฐและเอกชน ฯลฯ               2.21%

11. ความเชื่อมั่นต่อ “กระทรวงสาธารณสุข” ในการแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009
อันดับ 1          เชื่อมั่น            59.61%
          เพราะ   ผู้ใหญ่ในกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจังมากขึ้น ,มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจ
                  แก่ประชาชนในเรื่องการป้องกันไข้หวัด อย่างต่อเนื่อง ,กำลังมีการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ฯลฯ
อันดับ 2          ไม่เชื่อมั่น          40.39%
          เพราะ  นับตั้งแต่เริมมีการระบาดจนมาถึงวันนี้ยังมีตัวเลขรายงานยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอยู่ ฯลฯ

12. ความเชื่อมั่นต่อ “รัฐบาล” ในการแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009
อันดับ 1          เชื่อมั่น            52.24%
          เพราะ   รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคนี้ได้ ,หากปล่อยไว้นานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น
                  ของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลโดยตรง ฯลฯ
อันดับ 2          ไม่เชื่อมั่น          47.76%
          เพราะ  รัฐบาลมีปัญหามากมายที่จะต้องแก้ไขทำให้ไม่สามารถดูแลเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้เต็มที่ ,มาตรการต่างๆที่ออก
                 มายังไม่รัดกุมพอ ฯลฯ

13. ความคิดเห็นจากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศจะผลักดันให้การผลิตวัคซีน
              โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และโรคอื่นเป็นวาระแห่งชาติ
อันดับ 1          เห็นด้วย           89.11%
          เพราะ  ประเทศไทยจะได้มีวัคซีนที่สามารถผลิตได้ในประเทศเองและมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ,
                 สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ว่ามีความปลอดภัย ,ราคาไม่แพงเกินไป ฯลฯ
อันดับ 2          ไม่เห็นด้วย         10.89%
          เพราะ  กว่าจะผลิตวัคซีนได้จำนวนของผู้ที่ติดเชื้อน่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ , เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน
                 ไม่สามารถรอได้ ใช้เวลานานเกินไป ,หากมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดและจริงจังน่าจะได้ผลเหมือนกัน ฯลฯ

          --สวนดุสิตโพล--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ