จากวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติและส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนไทยอย่างมาก แม้ว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ ดูเหมือนว่าจะคลี่คลายลง โดยหลายๆฝ่าย ที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะร่วมมือกันโดยใช้แนวทางปรองดองเพื่อลดความขัดแย้งทางสังคม และตั้งความหวังไว้ที่นักการเมือง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาประเทศโดยตรง หากนักการเมืองมีความสามัคคี ปรองดองกันก็จะส่งผลต่อความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ กรณี “นักการเมือง” ในยุคของความปรองดองที่ประชาชนต้องการ จำนวน 1,282 คน ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2553 สรุปผลได้ดังนี้
เพราะ อาจเป็นเกมการเมืองที่นักการเมืองร่วมกันสร้างภาพเพื่อให้ประชาชนเชื่อใจ ไว้วางใจ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่กลัวเป็นการฮั้วกัน 35.72%เพราะ คิดว่านักการเมืองแต่ละกลุ่มมีความคิดเห็นต่อบ้านเมืองที่แตกต่างกันมาก ,
นักการเมืองต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนที่ชัดเจนเป็นของตนเอง ฯลฯ
เพราะ จะได้ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ,บรรยากาศบ้านเมืองจะได้สงบสุข ,การบริหารประเทศทุกด้านต้องอาศัยนักการเมือง ฯลฯ
อันดับ 2 เหมือนเดิม 17.39%เพราะ ไม่เชื่อว่านักการเมืองทุกคนจะปรองดองกันได้จริง เหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมา ,การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ฯลฯ
อันดับ 3 แย่ลง 9.57%เพราะ ไม่มีการคานอำนาจหรือตรวจสอบการทำงานซึ่งกันและกันของนักการเมือง ฯลฯ
เพราะ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมที่จะลดราวาศอกกัน ดูเหมือนยังเล่นเกมการเมืองกันอยู่ ฯลฯ
อันดับ 2 คงปรองดองกันได้ 26.79%เพราะ นักการเมืองจะต้องเรียกความศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมา และหวังว่าจะพัฒนาการเมืองไทย
ให้เป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ฯลฯ
อันดับ 3 ปรองดองกันไม่ได้ 17.86%เพราะ เป็นความขัดแย้งที่ร้าวลึก ยากที่จะประสานให้ดีกันได้ การเปลี่ยนความคิดของนักการเมืองเป็นเรื่องยาก ฯลฯ
อันดับ 4 ปรองดองกันได้แน่ 7.14%เพราะ คนไทยทุกคนต่างได้รับผลกระทบของความขัดแย้งที่นำมาซึ่งความเสียหายอย่างมาก
เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์สำหรับคนไทยและการเมืองไทย ฯลฯ
--สวนดุสิตโพล--