ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สน. 29 /2549 เรื่อง การกระทำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ในการจัดการกองทุนและหลักเกณฑ์ในการป้องกัน _____________________ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 98(7)(ข) มาตรา 126(1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 139(5) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 45 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับข้อ 1 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง หลักเกณฑ์และกำหนดเวลาในการยื่นรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 และข้อ 2(1) ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 18(6) และข้อ 19 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กน. 30/2547 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุน ลงวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2547 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิก (1) ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สน. 44/2541 เรื่อง หลักเกณฑ์การทำธุรกรรมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 (2) ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สน. 18/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นเพื่อบริษัทจัดการ ลงวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2542 (3) ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สน. 33/2543 เรื่อง การกระทำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ลงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2543 (4) ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สน. 49/2543 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นเพื่อบริษัทจัดการ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2543 (5) ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ สน. 32/2544 เรื่อง การกระทำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2544 ข้อ 3 ในประกาศนี้ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนรวม หรือกองทุนส่วนบุคคล “กองทุนรวมพิเศษ” หมายความว่า กองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังต่อไปนี้ (1) ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (2) ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (3) ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง “ที่ปรึกษา” หมายความว่า บุคคลที่รับให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำแก่บริษัทจัดการเกี่ยวกับการลงทุน หรือการจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองทุนรวม ในทุกลักษณะ “ตลาดหลักทรัพย์” หมายความว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย “บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการกองทุนส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลดังต่อไปนี้ (1) บุคคลผู้รับผิดชอบสายงานเกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตั้งแต่ตำแหน่งผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลขึ้นไปจนถึงตำแหน่งผู้จัดการ ในกรณีของบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดตามข้อ 2(6) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หรือที่เป็นบริษัทจัดการกองทุนรวม (2) บุคคลผู้รับผิดชอบโดยตรงในงานเกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ในกรณีของบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลอื่นใดที่มิใช่กรณีตาม (1) “บริษัทจดทะเบียน” หมายความว่า บริษัทที่มีหลักทรัพย์ที่ได้รับการจดทะเบียนหรือได้รับการอนุญาตให้ทำการซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ “บริษัทจัดการ” หมายความว่า บริษัทจัดการกองทุนรวมหรือบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคล “บริษัทจัดการกองทุนรวม” หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม “บริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคล” หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล “บริษัทนายหน้า” หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ หรือบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตหรือได้รับการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า “บริษัทในเครือ” หมายความว่า บริษัทดังต่อไปนี้ (1) บริษัทที่ถือหุ้นของบริษัทจัดการ หรือนายจ้าง แล้วแต่กรณี ตั้งแต่ร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจัดการ หรือนายจ้างนั้น หรือ (2) บริษัทที่บริษัทจัดการหรือนายจ้าง แล้วแต่กรณี ถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น “ผู้จัดการกองทุน” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่บริษัทจัดการมอบหมายให้มีอำนาจตัดสินใจลงทุนให้แก่กองทุน “ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์” หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ “ผู้บริหาร” หมายความว่า กรรมการ ผู้จัดการ พนักงานระดับผู้จัดการฝ่ายขึ้นไปรวมทั้งบุคคลที่มีตำแหน่งซึ่งมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลดังกล่าวด้วย “ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์” หมายความว่า นิติบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทจัดการกองทุนรวมให้ทำหน้าที่ในการบริหารหรือจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนรวมซื้อหรือเช่า “ผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืน” หมายความว่า บุคคลที่บริษัทจัดการกองทุนรวมมอบหมายให้ทำหน้าที่ขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน แล้วแต่กรณี ของกองทุนรวม “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานและลูกจ้างของบริษัทจัดการ และให้หมายความรวมถึงกรรมการผู้จัดการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่นด้วย “ราคาตลาด” หมายความว่า ราคาตราสารแห่งทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือราคาตราสารแห่งหนี้ที่เสนอโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย แล้วแต่กรณี “สมาคม” หมายความว่า สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งและจดทะเบียนกับสำนักงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทที่เกี่ยวกับการจัดการลงทุน “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และหน่วยงานอื่นตามที่สำนักงานกำหนด “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อ 4 ประกาศนี้มิให้นำมาใช้บังคับกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนต่างด้าว จำกัด ทั้งนี้ ข้อกำหนดในส่วนที่ 1 ของหมวด 1 ให้ใช้บังคับเฉพาะกับบริษัทจัดการกองทุนรวม และบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดตามข้อ 2(6) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หมวด 1 การกระทำอันมีลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทาง ผลประโยชน์ และการดำเนินการของบริษัทจัดการ ในเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว _____________________ ข้อ 5 ให้การกระทำของบริษัทจัดการดังต่อไปนี้ เป็นการกระทำอันมีลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนหรือลูกค้า ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 126(1) และมาตรา 139(5) แล้วแต่กรณี (1) การที่บริษัทจัดการรับผลประโยชน์ตอบแทนจากบุคคลใด ๆ เพื่อบริษัทจัดการนั้นเอง อันเนื่องมาจากการใช้บริการของบุคคลดังกล่าวในการจัดการกองทุน (2) การที่บริษัทจัดการซื้อขายทรัพย์สินหรือเข้าทำสัญญาเพื่อกองทุนใดที่มิใช่กองทุนรวมพิเศษ โดยมีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง และการทำธุรกรรมดังกล่าวมีลักษณะเป็นการเอาเปรียบกองทุนหรือทำให้กองทุนเสียประโยชน์ที่ดีที่สุดไป เว้นแต่เป็นการทำธุรกรรมที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ 13 (3) การที่บริษัทจัดการกระทำการใด ๆ อันเป็นผลให้บริษัทได้ซื้อขายทรัพย์สินหรือเข้าเป็นคู่สัญญาได้ก่อนกองทุน ข้อ 6 บริษัทจัดการต้องบริหารจัดการกิจการของตนเองในเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์แก่กองทุน ดังต่อไปนี้ (1) การลงทุนเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัทจัดการ (proprietary trading) ตามที่กำหนดในส่วนที่ 1 (2) การทำธุรกรรมของกองทุนกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง (affiliated transaction) ตามที่กำหนดในส่วนที่ 2 (3) การรับผลประโยชน์ตอบแทนเนื่องจากการที่กองทุนใช้บริการบุคคลอื่น (soft commission) ตามที่กำหนดในส่วนที่ 3 (4) การลงทุนเพื่อเป็นทรัพย์สินของพนักงาน (staff dealing) ตามที่กำหนดในส่วนที่ 4 ให้บริษัทจัดการจัดให้มีระบบงานที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำตามวรรคหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์แก่กองทุนได้ ทั้งนี้ ในกรณีของ (1) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ 7 และกรณีของ (4) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ 23(1) ด้วย ส่วนที่ 1 การลงทุนเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัทจัดการ (proprietary trading) _____________________ ข้อ 7 เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับผู้ลงทุน หากบริษัทจัดการมีการลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจัดการเอง (proprietary trading) บริษัทจัดการต้องจัดให้มีระบบงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันมิให้การลงทุนหรือเข้าทำสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับกองทุน เว้นแต่บริษัทจัดการมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้บริหารการลงทุนอย่างเป็นอิสระโดยบริษัทจัดการไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ไม่ว่าการลงทุนหรือเข้าทำสัญญานั้นจะดำเนินการโดยบริษัทจัดการเอง หรือโดยบุคคลอื่นที่บริษัทจัดการมอบหมาย การดำเนินการนั้นให้อยู่ภายใต้บังคับข้อ 8 ถึงข้อ 12 ด้วย ในกรณีที่บริษัทจัดการต้องจัดให้มีระบบงานตามวรรคหนึ่ง ระบบงานดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานก่อนบริษัทจัดการเริ่มลงทุนหรือลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจัดการเอง (proprietary trading) ข้อ 8 บริษัทจัดการจะลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทจัดการเอง (proprietary trading) ได้ ต่อเมื่อการลงทุนดังกล่าว มีลักษณะเป็นเงินทุนระยะยาวเกินกว่าหนึ่งปี เว้นแต่เป็นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) เป็นการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากเพื่อบริหารสภาพคล่องของบริษัทจัดการ (2) เป็นการลงทุนในตราสารที่มีอายุคงเหลือต่ำกว่าหนึ่งปี โดยบริษัทจัดการมีเจตนาที่จะถือตราสารดังกล่าวจนครบอายุของตราสารนั้น (3) เป็นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเปิดภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการกองทุนรวมนั้นเอง ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่บริษัทไม่สามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเปิดดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม อันเนื่องมาจากการไม่สามารถจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมเปิดนั้นได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นอื่นใดเพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน บริษัทจัดการจะจำหน่ายทรัพย์สินหรือเลิกสัญญาที่มีลักษณะเป็นเงินลงทุนระยะยาวตามวรรคหนึ่ง ก่อนครบกำหนดเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ลงทุนหรือได้มาซึ่งทรัพย์สิน หรือวันที่สัญญามีผลใช้บังคับได้ เฉพาะในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและสมควรโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจัดการต้องรายงานกรณีดังกล่าวต่อสำนักงานภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่จำหน่ายทรัพย์สินหรือเลิกสัญญานั้น แล้วแต่กรณี ตามแบบที่สำนักงานแจ้งให้ทราบล่วงหน้ากำหนด ข้อ 9 ในการซื้อหน่วยลงทุนตามข้อ 8(3) บริษัทจัดการกองทุนรวมต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและเป็นธรรมต่อผู้ถือหน่วยลงทุนให้บริษัทจัดการกองทุนรวมจำหน่ายหน่วยลงทุนที่ได้มาตามข้อ 8(3) ในโอกาสแรกที่สามารถทำได้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนรายอื่นเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้บริษัทรายงานการจำหน่ายหน่วยลงทุนต่อสำนักงาน ภายในวันทำการถัดจากวันที่จำหน่ายหน่วยลงทุนนั้นตามแบบที่สำนักงานกำหนด ข้อ 10 ในการลงทุนหรือมีไว้ซึ่งหุ้นเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัทจัดการ หากบริษัทได้ปฏิบัติตามข้อ 7 แล้ว ให้ถือว่าบริษัทได้รับการผ่อนผันจากสำนักงานตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 98(7)(ข) ข้อ 11 ให้บริษัทจัดการจัดทำและส่งข้อมูลการลงทุนหรือมีไว้ซึ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัทต่อสำนักงาน โดยให้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปพร้อมกับข้อมูลอื่นที่บริษัทจัดการมีหน้าที่ต้องส่งผ่านระบบรับส่งรายงานธุรกิจจัดการกองทุนรวม (Investment Management Reporting System) หรือระบบรับส่งการรายงานธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund and Provident Fund Reporting System) ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดการกองทุน ให้บริษัทจัดการเปิดเผยต่อผู้ถือหน่วยลงทุน ลูกค้า หรือผู้ที่สนใจจะลงทุน แล้วแต่กรณี ทราบว่าการตรวจสอบข้อมูลตามวรรคหนึ่งอาจตรวจสอบได้ที่บริษัทจัดการ ตัวแทนของบริษัทจัดการ (ถ้ามี) และสำนักงาน ทั้งนี้ หากผู้ถือหน่วยลงทุน ลูกค้า หรือผู้ที่สนใจจะลงทุน แล้วแต่กรณี ร้องขอ บริษัทจัดการต้องเปิดเผยข้อมูลการลงทุนหรือมีไว้ซึ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นทรัพย์สินของบริษัทต่อบุคคลดังกล่าวโดยไม่ชักช้า ข้อ 12 ในกรณีที่บริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลมีการลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัทเอง บริษัทต้องจัดให้มีข้อความในสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคลที่แสดงว่า บริษัทอาจลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินเพื่อบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลเช่นเดียวกับที่ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินเพื่อกองทุนส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 การทำธุรกรรมของกองทุนกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง (affiliated transaction) _____________________ ข้อ 13 บริษัทจัดการจะทำธุรกรรมเพื่อกองทุนกับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานเมื่อเป็นกรณีตามข้อ 14 หรือระบุไว้อย่างชัดเจนในโครงการจัดการกองทุนรวมและหนังสือชี้ชวน หรือได้รับมติจากผู้ถือหน่วยลงทุนเมื่อเป็นกรณีตามข้อ 15 หรือได้รับความเห็นชอบจากผู้ดูแลผลประโยชน์หรือความยินยอมจากลูกค้าหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วแต่กรณี เมื่อเป็นกรณีตามข้อ 16 หรือข้อ 17 ทั้งนี้ การทำธุรกรรมเพื่อกองทุนกับบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรณีตามข้อ 14 ข้อ 15 ข้อ 16 ข้อ 17 หรือกรณีอื่นใดนอกเหนือจากกรณีตามข้อดังกล่าว ธุรกรรมเหล่านั้นต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ (1) เป็นธุรกรรมที่เป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับกองทุนในสถานการณ์ขณะนั้น (best execution) (2) เป็นธุรกรรมที่มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์กับกองทุน (3) เป็นธุรกรรมในลักษณะที่เป็นธรรมเนียมทางค้าปกติเสมือนเป็นการทำธุรกรรมกับคู่ค้าทั่วไปที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกันเป็นพิเศษ (at arm’s length transactions) และ (4) ในกรณีที่เป็นธุรกรรมระหว่างกองทุนด้วยกันเองซึ่งกองทุนเหล่านั้นอยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการเดียวกัน (cross trade) ธุรกรรมที่จะทำนั้นต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ (ก) ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเป็นกองทุนรวม ธุรกรรมดังกล่าวต้องมีความเหมาะสมต่อลักษณะ นโยบายการลงทุน และความจำเป็นในการลงทุนของกองทุนรวมดังกล่าว (ข) ธุรกรรมดังกล่าวต้องไม่ใช่การซื้อขายหน่วยลงทุนระหว่างกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการเดียวกัน ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 126(3) การทำธุรกรรมตามวรรคหนึ่ง บริษัทจัดการต้องจัดให้มีเอกสารหรือหลักฐานอ้างอิงเพื่อให้สำนักงานสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมดังกล่าวได้ ข้อ 14 การทำธุรกรรมระหว่างบริษัทจัดการกองทุนรวมกับกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทนั้น บริษัทจะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นและสมควรโดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่กองทุนรวมจะซื้อหุ้นของบริษัทจัดการกองทุนรวมซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 126(2) ข้อ 15 การซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง บริษัทจัดการกองทุนรวมจะกระทำได้ต่อเมื่อได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในโครงการจัดการกองทุนรวมและหนังสือชี้ชวนว่าอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่จะลงทุนนั้นเป็นของบุคคลดังกล่าว หรือเมื่อได้รับมติจากผู้ถือหน่วยลงทุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ข้อ 16 การทำธุรกรรมเพื่อกองทุนรวมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยธุรกรรมนั้นไม่มีราคาตลาดหรือใช้ราคาอื่นที่ไม่เป็นไปตามราคาตลาด บริษัทจัดการกองทุนรวมจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนการทำธุรกรรมในแต่ละครั้ง ข้อ 17 การทำธุรกรรมเพื่อกองทุนส่วนบุคคลกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีดังต่อไปนี้ ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วแต่กรณี โดยความยินยอมดังกล่าวอาจกำหนดไว้ในสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคลก็ได้ ทั้งนี้ บริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลต้องอธิบายให้ลูกค้าหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเข้าใจถึงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ก่อนขอรับความยินยอมด้วย (1) การลงทุนในตราสารที่บุคคลที่เกี่ยวข้องตามข้อ 20(1)(ก) ถึง (ง) หรือตามข้อ 20(2)(ง) เป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน หรือการฝากเงินไว้กับบุคคลดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงการฝากเงินในบัญชีเงินฝากเพื่อการดำเนินงาน (2) การลงทุนในตราสารที่บุคคลที่เกี่ยวข้องตามข้อ 20(2)(ก) ถึง (ค) เป็นผู้ออกตราสารนั้น (3) การทำธุรกรรมกับบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคล (4) การทำธุรกรรมกับกองทุนที่อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการเดียวกัน (5) การทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนหรือการทำธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์กับบริษัทในเครือของบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคล (6) การทำธุรกรรมเพื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีนายจ้างรายเดียว (single fund) กับบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกกรณี ในกรณีที่ธุรกรรมตาม (1) ถึง (6) เป็นธุรกรรมที่ไม่มีราคาตลาด หรือที่ใช้ราคาอื่นที่ไม่เป็นไปตามราคาตลาด บริษัทจัดการต้องอธิบายเหตุของการไม่มีราคาตลาดหรือการใช้ราคาอื่นที่ไม่เป็นไปตามราคาตลาด แล้วแต่กรณี ตลอดจนที่มาของราคาที่บริษัทจัดการจะใช้ในการทำธุรกรรมดังกล่าว ต่อลูกค้าหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อนขอรับความยินยอม ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทจัดการได้รับความยินยอมโดยการกำหนดไว้ในสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล ให้บริษัทจัดการระบุรายละเอียดดังกล่าวไว้ในสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคลด้วย ข้อ 18 การทำธุรกรรมเพื่อกองทุนรวมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีดังต่อไปนี้ ให้บริษัทจัดการกองทุนรวมจัดทำข้อมูลเป็นรายเดือนตามแบบและเปิดเผยด้วยวิธีการตลอดจนระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด เว้นแต่เป็นการทำธุรกรรมเพื่อกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนประเภทสถาบัน (non-retail fund) และกองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนในต่างประเทศ (1) ธุรกรรมที่ทำโดยตรงกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยให้รวมถึงการซื้อขายหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นผ่านบริษัทนายหน้าซึ่งอยู่ในวิสัยที่บริษัทจัดการสามารถทราบได้ว่าคู่สัญญาอีกฝ่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่เป็นการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากที่บุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นสถาบันการเงิน เป็นผู้ออกหรือคู่สัญญาเพื่อประโยชน์ในการบริหารสภาพคล่องของกองทุนนั้น (2) การทำธุรกรรมในตลาดรอง (organized market) ผ่านบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เป็นบริษัทนายหน้า (3) การซื้อหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ดังกล่าว (4) การซื้อหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นผู้จัดการโครงการประมูลหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น (arranger) (5) การซื้อตราสารแห่งหนี้หรือตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุนซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน (6) การซื้อขายหน่วยลงทุนหรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่บุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นผู้บริหารจัดการ ข้อ 19 ให้บริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลรายงานข้อมูลการทำธุรกรรมตามข้อ 18(1) ถึง (6) เป็นลายลักษณ์อักษรต่อลูกค้าหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วแต่กรณี ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล โดยรายงานดังกล่าวต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับวันที่ทำธุรกรรม ลักษณะของธุรกรรม มูลค่าของธุรกรรม ราคาต่อหน่วย (ถ้ามี) และอัตราส่วนการลงทุนโดยเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนส่วนบุคคล โดยระบุว่าธุรกรรมดังกล่าวเข้าลักษณะใดในข้อ 18(1) ถึง (6) เว้นแต่ลูกค้าหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้รายงานข้อมูลการทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นประการอื่น ข้อ 20 ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เข้าลักษณะเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดในประกาศนี้ (1) ในกรณีทั่วไป (ก) บริษัทจัดการที่เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการของกองทุน (ข) บุคคลที่มิใช่หน่วยงานของรัฐซึ่งถือหุ้นในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ 1. บุคคลที่ถือหุ้นของบริษัทจัดการเกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจัดการ 2. บุคคลที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนของบุคคลตาม 1. เกินร้อยละสามสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด หรือจำนวนหุ้นส่วนของบุคคลดังกล่าว เว้นแต่บุคคลตาม 1. เป็นบริษัทที่จัดตั้งในต่างประเทศ (ค) นิติบุคคลที่บริษัทจัดการถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนของนิติบุคคลดังกล่าวเกินกว่าร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้ง หมดหรือจำนวนหุ้นส่วน (ง) นิติบุคคลที่มีบุคคลที่ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนเกินร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดหรือจำนวนหุ้นส่วนของ นิติบุคคลดังกล่าว เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจัดการเกินร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท จัดการด้วย (จ) ผู้บริหารของบริษัทจัดการ (ฉ) ผู้จัดการกองทุนของกองทุนนั้น (ช) นิติบุคคลที่บุคคลตาม (จ) หรือ (ฉ) ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนรวมกันเกินร้อยละสามสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว ทั้งหมดหรือจำนวนหุ้นส่วนของนิติบุคคลนั้น (ซ) ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนเกินร้อยละสิบของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกองทุนรวมนั้น ใน กรณีที่เป็นการจัดการกองทุนรวม (ฌ) บุคคลที่เป็นที่ปรึกษา (ญ) กองทุนอื่นที่บริษัทจัดการเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ (2) ในกรณีการทำธุรกรรมเพื่อกองทุนส่วนบุคคล นอกจากที่กำหนดไว้ตาม (1) ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย (ก) บริษัทที่บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการกองทุนส่วนบุคคลเป็นกรรมการหรือถือหุ้นเกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นที่จำหน่าย ได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น หรือบริษัทที่บุคคลดังกล่าวถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้ง หมดของบุคคลนั้น ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีใดให้นับหุ้นที่คู่สมรสหรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าวเป็นหุ้นของ บุคคลนั้นด้วย (ยังมีต่อ)