พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 03 กันยายน 2557 - 09 กันยายน 2557

ข่าวทั่วไป Thursday September 4, 2014 08:43 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 03 กันยายน 2557 - 09 กันยายน 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนในช่วงวันที่ 6-9 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม

-ในระยะนี้ยังคงมีฝนตกหนัก เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัย ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร

  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ข้าวนาปีที่อยู่ในระยะแตกกอชาวนาควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคไหม้ รวมทั้งป้องกันการระบาดของศัตรูข้าว เช่น หนอนกอข้าว หนอนห่อใบข้าว และ หอยเชอรี่ เป็นต้น ซึ่งจะกัดกินทำให้ต้นข้าวเสียหายได้
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น พื้นคอกไม่ชื้นแฉะ หลังคาไม่รั่วซึม เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้น อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนในช่วงวันที่ 6-9 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะ ในพื้นที่ซึ่งเคยมีน้ำท่วมมาก่อน
  • ในช่วงที่มีฝนตกทำให้อากาศมีความชื้นสูง และความชื้นในดินมีมาก ชาวไร่ที่ปลูกมันสำปะหลังควรระวังการระบาดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคหัวเน่า ในบริเวณแปลงปลูกที่การระบายน้ำไม่ดี ชาวไร่ควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกหากพบควรรีบกำจัด เพื่อไม่ให้แพร่ไปยังแปลงอื่นๆ

-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน โดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบ ซึ่งอาจป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ส่วนในช่วงวันที่ 6-9 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในระยะนี้ยังคงมีฝนตกหนัก พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ผู้ที่ปลูกพืชผักและไม้ดอก ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุด โรคราสนิม และโรครากเน่า เป็นต้น
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนอย่าให้อับชื้น พื้นคอกไม่ชื้นแฉะ และหลังคาไม่รั่วซึม เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 3-4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้ยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนัก เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัย ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยง และพืชผลทางการเกษตร
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ส่วนไม้ผล เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งไม้ผลให้ทรงพุ่มโปร่งแสงแดดส่องได้ถึงโคนต้น และอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุดในมังคุด โรคราแป้งในเงาะ และโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน เป็นต้น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 6-9 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง เกษตรกรควรติดตามเฝ้าระวังสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตรได้
  • สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรรีบตัดแต่งกิ่งและทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา และใส่ปุ๋ยเพื่อให้ต้นฟื้นตัวได้เร็วมีเวลาพักตัวได้นานขึ้น รวมทั้งไม่กองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ ตลอดจนผลที่ร่วงหล่น และเน่าเสีย ไว้ในสวน ควรนำไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช
  • ส่วนผู้ที่ปลูกยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากขาวในยางพารา โรคราสนิมและผลเน่าในกาแฟ และโรคทลายปาล์มเน่าในปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 3-4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง เกษตรกรควรติดตามเฝ้าระวังสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตรได้
  • สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรรีบตัดแต่งกิ่งและทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา และใส่ปุ๋ยเพื่อให้ต้นฟื้นตัวได้เร็วมีเวลาพักตัวได้นานขึ้น รวมทั้งไม่กองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ ตลอดจนผลที่ร่วงหล่น และเน่าเสีย ไว้ในสวน ควรนำไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช
  • ส่วนผู้ที่ปลูกยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากขาวในยางพารา โรคราสนิมและผลเน่าในกาแฟ และโรคทลายปาล์มเน่าในปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ในช่วงวันที่ 5-9 ก.ย. บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมง ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ