พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 17 ตุลาคม 2557 - 23 ตุลาคม 2557

ข่าวทั่วไป Monday October 20, 2014 08:48 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 17 ตุลาคม 2557 - 23 ตุลาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดเขามีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันตกและทางด้านตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพราะร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์ที่เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้แตกต่างกันระหว่างผิวน้ำและน้ำในระดับลึก เพราะสัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทันและขาดออกซิเจนทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันและช่วยเพิ่มออกซิเจน
  • ในช่วงฤดูหนาวอากาศจะจมตัว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เนื่องจากควันไฟอาจไม่ลอยขึ้นสูงแต่จะแผ่ปกคลุมบริเวณใกล้เคียงทำให้ทัศนวิสัยลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดเขามีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกและทางด้านตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในระยะนี้ เป็นช่วงต้นฤดูหนาว สภาพอากาศจะแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • สำหรับชาวนาในระยะนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่นหนอนกระทู้ หนอนห่อใบ และหนอนกอ เป็นต้น ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นเสียหายผลผลิตลดลง หรือด้อยคุณภาพ หากพบควรรีบกำจัด
  • เนื่องจากระยะต่อไป ปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 17-19 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในระยะนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน หากต้องการปลูกพืชในระยะนี้ยังคงทำได้เนื่องจากความชื้นภายในดินยังมีอยู่แต่ควรมีน้ำสำรองเอาไว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโต เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ต.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตเสียหาย
  • แม้ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง แต่ความชื้นภายในดินยังคงมีสูง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าซึ่งจะทำให้ต้นพืช ทรุดโทรมและตายได้
  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 17-18 และ 22-23 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 19-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

  • ระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้นกว่าระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควร ขุดลอกคูคลอง และทางน้ำ ตลอดจนสันดอนปากแม่น้ำอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อให้น้ำไหลใด้สะดวกป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สำหรับในช่วงที่ฝนตกชุก โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ชาวสวนผลไม้ไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเกิน 7 วัน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ และต้นพืชตายได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

  • เกษตรกรควร ขุดลอกคูคลอง และทางน้ำ ตลอดจนสันดอนปากแม่น้ำอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อให้น้ำไหลใด้สะดวกป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ส่วนทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกบางพื้นที่แม้ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา แต่ความชื้นในดินยังคงมีสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชมี่เกิดจาก เชื้อราในพืชสวน เช่น ยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน เป็นต้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ