พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 01 ธันวาคม 2557 - 07 ธันวาคม 2557

ข่าวทั่วไป Monday December 1, 2014 16:30 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 01 ธันวาคม 2557 - 07 ธันวาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 1-4 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 13-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 7 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้าและอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน
  • สำหรับบริเวณยอดดอย อาจมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายจากน้ำค้างแข็งที่จะเกิดกับพืชผลเมืองหนาว
  • ระยะนี้มีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เช่น ข้าว ไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 1-3 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 7 ธ.ค. อุณหภูมิลดลงอีก 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะวันที่ 3-4 ธ.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และจัดเตรียมอุปกรณ์กันหนาวเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยงรวมถึงทำแผงกำบังลมหนาว และเพิ่มความอบอุ่นในโรงเรือน
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน และลดปริมาณอาหารลงเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสียได้

-ในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนผลผลิตที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยว และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้งเพราะจะทำให้เสียหายได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 1 – 4 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา กับมีลมแรง โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 5-7 ธ.ค. มีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรวมทั้งเตรียมอุปกรณ์กันหนาวเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยง
  • แม้จะมีฝนตกบ้างในระยะนี้แต่ปริมาณมีน้อย ซึ่งไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 1 – 4 ธ.ค. มีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 5-7 ธ.ค. มีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรวมทั้ง ควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้จะช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดลงไปได้บ้าง แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชทรุดโทรมชะงักการเจริญเติบโต นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 3-4 ธ.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • สัปดาห์นี้ทางตอนบนของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อพืชที่ขาดน้ำในช่วงที่ผ่านมา และช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดลงไปได้บ้าง นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงแล้ง
  • สำหรับช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง ทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • สำหรับชาวสวนไม้ผล ยางพารา และกาแฟ ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้ทางตอนบนของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อพืชที่ขาดน้ำในช่วงที่ผ่านมา และช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดลงไปได้บ้าง นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงแล้ง
  • สำหรับชาวสวนไม้ผล ยางพารา และกาแฟ ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ