พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 09 กุมภาพันธ์ 2558 - 15 กุมภาพันธ์ 2558

ข่าวทั่วไป Monday February 9, 2015 15:05 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 09 กุมภาพันธ์ 2558 - 15 กุมภาพันธ์ 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-11 ก.พ. อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 12-14 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้อากาศจะแปรปวน โดยมีอากาศหนาวเย็นสลับกับมีฝนตกในบางวัน เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • ช่วงวันที่ 9-11 ก.พ. จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะ ราน้ำค้างในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • ช่วงวันที่ 12-14 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวัง และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน อาคาร บ้านเรือน และพืชผลทางการเกษตร เกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ควรตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ค้ำยันกิ่งให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการหักโค่น และกิ่งฉีกขาดเสียหาย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-13 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-15 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ20-40 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้อากาศจะแปรปวน โดยมีอากาศหนาวเย็นสลับกับมีฝนตกในบางวัน เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากพบสัตว์ที่ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่ม และทำการรักษา เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ
  • ในช่วงวันที่ 14 - 15 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตที่แก่ดีแล้ว และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้งเพราะจะทำให้เสียหายได้นอกจากนี้ เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตร

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 10-12 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-15 ก.พ. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้อากาศจะแปรปวน โดยมีอากาศหนาวเย็นสลับกับมีฝนตกในบางวัน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับ เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชอย่างเพียงพอ เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงแล้ง ถ้าพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโต หากพืชขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง
  • ในช่วงวันที่ 13-15 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพื่อป้องกันผลผลิตเปียกชื้นเสียหาย รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตร

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 10-12 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 13-15 ก.พ. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ20-40 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • สัปดาห์นี้อากาศจะแปรปวน โดยมีอากาศหนาวเย็นสลับกับมีฝนตกในบางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงวันที่ 13-15 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เช่น พริกไทย และปลาเค็ม เพื่อป้องกันผลผลิตเปียกชื้นเสียหาย รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตร
  • สำหรับช่วงที่มีฝนตกจะช่วยบรรเทาภัยแล้งลงได้บ้าง รวมทั้งช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ในพืชไร่ไม้ผล และพืชผัก

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 10-12 ก.พ. มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนทางตอนล่างของภาค จะมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 13-15 ก.พ. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • สัปดาห์นี้ทางตอนบนของภาคสภาพอากาศจะแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคบางช่วงอาจมีฝนบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืช ผักและพืชสวน เช่น หนอนกินใบมังคุด และหนอนกินใต้ผิวเปลือกในลองกอง เป็นต้น
  • ช่วงวันที่ 14 -15 ก.พ. จะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับต้นพืชที่ขาดน้ำในช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ