พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 - 06 ธันวาคม 2558

ข่าวทั่วไป Monday November 30, 2015 15:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 30 พฤศจิกายน 2558 - 06 ธันวาคม 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. - 2 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 3-6 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

สัปดาห์นี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารลงเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสียได้

ในช่วงกลางสัปดาห์ จะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตที่แก่ดีแล้ว และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจได้รับความเสียหายได้ นอกจากนี้ควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านเกษตรในระยะต่อไป

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. - 3 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และจัดเตรียมอุปกรณ์กันหนาวเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยงรวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาว และเพิ่มความอบอุ่นในโรงเรือน

สำหรับสภาพอากาศแห้งผู้ที่ปลูกพืชไร่และพืชผัก ควรระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย โดยเฉพาะเพลี้ยแป้งในมันสำปะหลัง และเพลี้ยอ่อนในพืชผักสวนครัว

ในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหายได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. - 2 ธ.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ในช่วงวันที่ 3-6 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย

สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีในระยะนี้ ควรปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว ซึ่งจะช่วยบำรุงดิน และตัดวงจรของศัตรูข้าว

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. -3 ธ.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

สัปดาห์นี้ แม้จะมีฝนตกในบางวันแต่ปริมาณมีน้อย สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะพักตัวเพื่อเตรียมแทงช่อดอก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ส่งผลให้การแตกตาดอกของพืชลดลง รวมทั้งคลุมบริเวณโคนต้นของพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน สงวนความชื้นภายในดิน

สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 1 - 3 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 6 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

สัปดาห์นี้ ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพื้นที่การเกษตร โดยจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก

ในช่วงที่มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นในดินและในอากาศสูง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุดสาหร่าย และโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ใบและต้นพืชเสียหาย โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องถึงลำต้น เพื่อลดความชื้นภายในสวน

ในช่วงวันที่ 4 - 6 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

ในช่วงที่มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นในดินและในอากาศสูง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุดสาหร่าย และโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ใบและต้นพืชเสียหาย โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องถึงลำต้น เพื่อลดความชื้นภายในสวน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ