พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 30 ธันวาคม 2558 - 05 มกราคม 2559

ข่าวทั่วไป Wednesday December 30, 2015 15:21 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 30 ธันวาคม 2558 - 05 มกราคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 4 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีฝนเล็กน้อยในระยะแรกและอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35กม./ชม.

การคาดการณ์ฝน ฝนเล็กน้อย

การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 4 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณโดยทั่วไปมีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำป็นส่วนใหญ่ โดยค่าสมดุลย์น้ำอยู่ในช่วง (-10) ถึง (-30) มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ที่มีค่าสมดุลย์น้ำอยู่ในช่วง (-1) ถึง (-10) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีฝนเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้สมดุลย์น้ำมีค่าน้อยลง ทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ จนอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ พร้อมทั้งควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 2 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 3 - 5 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน

การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 2 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 3 - 5 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำป็นส่วนใหญ่ โดยค่าสมดุลย์น้ำอยู่ในช่วง (-20) ถึง (-30) มม. เว้นแต่ทางตอนบนของภาคบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ที่มีค่าสมดุลย์น้ำอยู่ในช่วง (-10) ถึง (-20) มม. ซึ่งปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่า ค่าการคายระเหยน้ำของพืช ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า จะไม่มีฝน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม โดยเฉพาะพืชผักและไม้ดอกที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและให้ผลผลิต เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตด้อยคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตลดลง นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 4 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีหมอกหนาบางพื้นที่และมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน

การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 4 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้นและมีหมอกหนาบางพื้นที่และ อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยมีค่าสมดุลย์น้ำอยู่ในช่วง (-10) ถึง (-30) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า จะไม่มีฝน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรวางแผนการให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และใช้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำเฉพาะบริเวณทรงพุ่ม หรือวิธีน้ำหยด รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 2 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 3 - 5 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน

การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค. - 2 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 3 - 5 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมีค่าสมดุลย์น้ำอยู่ในช่วง (-20) ถึง (-30) มม. ซึ่งค่าการคายระเหยน้ำของพืชมีมากกว่าปริมาณฝนที่ตก ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้าไม่มีฝน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดลูกลดลง ผลผลิตเสียหาย รวมทั้งระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยไฟในทุเรียนและมังคุดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 5 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 3 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 58 – 5 ม.ค. 59 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ20-40 ของพื้นที่

การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สมดุลย์น้ำมีค่า (-10) ถึง (150) มม.เป็นส่วนใหญ่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ซึ่งจะทำให้สมดุลน้ำมีค่าสูงขึ้น ส่งผลให้ดินมีความชื้นสูง โดยเฉพาะ ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปอาจมีน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช ทำให้รากขาดอากาศและเกิดโรครากเน่าและโคนเน่าได้ เกษตรกรในบริเวณดังกล่าวควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก และไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพื่อป้องกันรากพืชขาดอากาศหายใจและต้นพืชตายได้ ส่วนทางตอนบนของภาคมีปริมาณฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 5 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 3 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 58 – 5 ม.ค. 59 มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่

การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสมดุลย์น้ำมีค่า (-10) ถึง (10) มม. เป็นส่วนใหญ่ ส่วนในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืช เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ