พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 14 มกราคม 2559 - 20 มกราคม 2559

ข่าวทั่วไป Thursday January 14, 2016 13:15 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 14 มกราคม 2559 - 20 มกราคม 2559

การคาดหมาย ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีฝนบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ในขณะที่จะมีกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาร์เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลงโดยทั่วไป

ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค.ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลรักษาสุขภาพ และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 14 - 16 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 17 - 20 ม.ค. โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ในระยะแรกหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง

ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 14 - 16 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง

อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง

อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง

อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ