พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 15 มกราคม 2559 - 21 มกราคม 2559

ข่าวทั่วไป Friday January 15, 2016 13:48 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 15 มกราคม 2559 - 21 มกราคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 15 - 16 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 17 - 21 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ในระยะแรกหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส

ระยะนี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอากาศที่เย็นทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกเช่นลำไย และลิ้นจี่เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมอย่างเพียงพอ โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณมากขึ้น หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 15 - 16 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างภาค อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าวและหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

สภาพอากาศที่แห้งกับบางช่วงมีลมแรง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณสวน รวม ทั้งระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยบริเวณที่อยู่อาศัย

ภาคกลาง

อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 15-16 ม.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ม.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

สำหรับสภาพอากาศแห้งและน้ำระเหยมาก ไม้ผลที่ดอกบานและเริ่มติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชภายในสวน เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากไม้ผล นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยไว้ด้วย

เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 15-16 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ระยะนี้บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา สระแก้ว และปราจีนบุรี จะมีฝนตกน้อย ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก ติดผลเกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืช โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณมากขึ้น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ เพลี้ยไฟในทุเรียน เพลี้ยจักจั่นในมะม่วง เป็นต้น

สำหรับบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีแก่พืชในระยะที่ผ่านมา รวมทั้งควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช

นอกจากนี้เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่กักเก็บไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ลมตะวันตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ระยะนี้ทางตอนบนของภาคสภาพอากาศแห้งกับมีฝนตกน้อย ทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ พืชผัก และไม้ผล อย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

สำหรับทางตอนล่างของภาค ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีแก่พืชทำให้ความชื้นในดินเพิ่มขึ้น ซึ่งในระยะที่ผ่านมามีปริมาณฝนน้อย รวมทั้งควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

ระยะนี้ทางตอนบนของภาคสภาพอากาศแห้งกับมีฝนตกน้อย ทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ พืชผัก และไม้ผล อย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

สำหรับทางตอนล่างของภาค ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีแก่พืชทำให้ความชื้นในดินเพิ่มขึ้น ซึ่งในระยะที่ผ่านมามีปริมาณฝนน้อย รวมทั้งควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ