พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 25 มกราคม 2559 - 31 มกราคม 2559

ข่าวทั่วไป Monday January 25, 2016 14:04 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 25 มกราคม 2559 - 31 มกราคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 20-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียส

  • ระยะนี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน ให้แก่สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงนี้อากาศหนาวกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งจะทำให้อุณภูมิน้ำลดต่ำลง เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ รวมทั้งลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง ปลาจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย และหากปลาโตได้ขนาด ควรจับขายเพื่อลดความเสี่ยง
  • เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆโดยเฉพาะบริเวณที่สูงควรระวังและป้องกันความเสียหายเนื่องจากน้ำค้างแข็งไว้ด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. อากาศหนาวกับมีลมแรง กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 17-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-6 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 23-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส

  • ในช่วงนี้มีอากาศหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน และตรวจสอบแผงกำบังลมหนาวของโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ป้องกันลมโกรกโรงเรือน เพื่อไม่ให้สัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนผู้ที่เลี้ยง สัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ รวมทั้งลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง ปลาจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 22-27 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-7 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน และทำแผงกำบังลมหนาว เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ไม่ให้สัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนผู้ที่เลี้ยง สัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ รวมทั้งลดปริมาณอาหารลงเพื่อป้องกันอาหารเหลือซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 28-30 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-7 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ระยะนี้อากาศแปรปรวน โดยมีอากาศหนาวเย็นและมีฝนตก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำไม่ให้แตกต่างกันมากและเป็นการเพิ่มออกซิเจนในน้ำ รวมทั้งลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิลดลง สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 17-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่

  • ช่วงนี้ทางตอนบนและฝั่งตะวันตกของภาคแม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากสั้น เช่น พืชไร่และผักชนิดต่างๆ อย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 25- 27 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่

  • ช่วงนี้ทางตอนบนและฝั่งตะวันตกของภาคแม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากสั้น เช่น พืชไร่และผักชนิดต่างๆ อย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ