พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 02 มีนาคม 2559 - 08 มีนาคม 2559

ข่าวทั่วไป Wednesday March 2, 2016 14:43 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 02 มีนาคม 2559 - 08 มีนาคม 2559

ภาคเหนือ

การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน

การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-20 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-16 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-30) มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวกอยู่ระหว่าง (1) ถึง (20) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ไม่มีฝนตก ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และให้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำเฉพาะบริเวณทรงพุ่ม หรือวิธีน้ำหยด รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อน และพัฒนาทางผล หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลร่วงหล่น และแคระแกร็นไม่ได้ขนาด

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน

การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาไม่มีฝนตก ค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้าจะไม่มีฝน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม โดยเฉพาะพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและให้ผลผลิต เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

ภาคกลาง

การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่

การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาไม่มีฝนตก ค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม และใช้น้ำที่กักเก็บไว้อย่างประหยัด รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

ภาคตะวันออก

การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่

การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นกับหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดระยองที่มีค่าสมดุลน้ำอยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-20) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล รวมทั้งระวังป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเพลี้ยไฟในมังคุด และเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

การคาดการณ์ฝน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-40) มม. โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี มีค่าสมดุลน้ำอยูที่ (-30)ถึง (-40) มม. ยกเว้นบริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานีและนครศรีธรรมราชที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวกอยู่ที่ (10) ถึง (20) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

การคาดการณ์ฝน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง

การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสมดุลน้ำมีค่าอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน

หมายเหตุ สมดุลน้ำ คือ ปริมาณฝน – ปริมาณการคายระเหยน้ำของพืช, การคายระเหยน้ำ คือ น้ำระเหย + การคายน้ำของพืช แผนที่สมดุลน้ำสามารถดาวน์โหลดได้ตามลิงค์ http://www.arcims.tmd.go.th/DailyDATA/PET7day.php สำหรับแผนที่สมดุลน้ำคิดที่สถานีตรวจอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ส่วนในบริเวณอื่นเป็นการประมาณค่า (Interpolation)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ