พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 01 เมษายน 2559 - 07 เมษายน 2559

ข่าวทั่วไป Friday April 1, 2016 15:24 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 01 เมษายน 2559 - 07 เมษายน 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 1 - 2 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 7 เม.ย. อุณหภูมิจะสูงขึ้น โดยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม

  • ช่วงนี้สภาพอากาศร้อนจัดในตอนกลางวัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย
  • ส่วนสภาพอากาศร้อนและแห้ง เกษตรกรที่ปลูกถั่วเขียวและถั่วเหลือง ที่อยู่ในระยะออกดอก ติดฝักและฝักแก่ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังการระบาดของเพลี้ยไฟ ซึ่งตัวอ่อน และตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ใบแห้งกรอบหลุดร่วง และฝักบิดเบี้ยวไม่ติดเมล็ด
  • นอกจากนี้ เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะไฟอาจจะลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ รวมทั้งควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 1 – 3 เม.ย. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 4-7 เม.ย. อุณหภูมิจะสูงขึ้น กับมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • ในช่วงวันที่ 1 – 3 เม.ย. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง บางแห่ง โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และพืชผลการเกษตร
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะพืชผักหากขาดน้ำ จะทำให้พืชเหี่ยวเฉาชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาความชื้นในดิน
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อย จะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันอย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 1 - 2 เม.ย.มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 3– 7 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • ระยะนี้จะมีอากาศร้อน และมีแดดจัด โดยเฉพาะตอนบนของภาค เกษตรกรที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ
  • ระยะที่ผ่านมามีฝนตกน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม และใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด รวมทั้งคลุมดินและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน และระวังป้องกัน การระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตเสียหาย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 1 – 3 เม.ย. มีเมฆเป็นส่วนมากกับฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 7 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ส่วนมากทางตอนบน อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • ระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะพืชไร่และพืชผัก เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืช เหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำนานจะทำให้ต้นพืชตายได้
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรระวังการระบาดของศัตรูพืชชนิดปากดูด เช่น เพลี้ยแป้งในเงาะ เพลี้ยไฟในมังคุด และเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน ที่จะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส

  • เนื่องจากระยะนี้อากาศร้อนและแห้ง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชผักและไม้ผล ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นทรุดโทรม ต้นอ่อนอาจตายได้
  • ระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างพอเพียง เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ และควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • เนื่องจากระยะนี้อากาศร้อนและแห้ง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชผักและไม้ผล ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นทรุดโทรม ต้นอ่อนอาจตายได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ