พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 10 สิงหาคม 2559 - 16 สิงหาคม 2559

ข่าวทั่วไป Wednesday August 10, 2016 14:43 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 10 สิงหาคม 2559 - 16 สิงหาคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-11 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปี สภาพอากาศมีความชื้นสูง : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ โรคใบหงิก และศัตรูพืช เช่น หนอนห่อใบข้าว
  • กล้วยไม้ สภาพอากาศมีความชื้นสูง : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเน่าแห้ง โรคเน่าเละ และโรคใบปื้นเหลือง
  • พืชผัก สภาพดินและอากาศมีความชื้นสูง : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเน่าคอดิน โรคเน่าดำ และโรคเน่าเละ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-11 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปี สภาพอากาศมีความชื้นสูง : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และศัตรูพืช เช่น หนอนห่อใบข้าว
  • สัตว์เลี้ยง ฝนตกหนัก : ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • พืชไร่ สภาพอากาศมีความชื้นสูง : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบไหม้และโรคแอนแทรกโนสในมันสำปะหลัง โรคแส้ดำในอ้อย เป็นต้น

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 10-11 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส

  • ข้าวนาปี สภาพอากาศชื้น : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ และศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ
  • ข้าวโพด สภาพอากาศชื้น : โรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคราน้ำค้าง และโรคราสนิม เป็นต้น
  • สัตว์ปีก สภาพอากาศชื้น : ดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเท เพื่อลดความชื้นป้องกันสัตว์ป่วย

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยในช่วงวันที่ 12-16 ส.ค.มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • พืชไร่ สภาพอากาศมีความชื้นสูง :โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราน้ำค้างในข้าวโพด และโรคแอนแทรกโนสใน มันสำปะหลัง
  • ยางพารา สภาพอากาศมีความชื้นสูง :โรคพืชที่เกิดจาก เชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ โรคราสีชมพู และโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า เป็นต้น
  • ประมงชายฝั่ง คลื่นลมแรง: ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณอ่าวไทยตอนบนควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 12-16 ส.ค.มีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

  • กาแฟ สภาพอากาศมีความชื้นสูง : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โรคราสนิม โรคใบจุด เป็นต้น
  • ยางพารา สภาพอากาศมีความชื้นสูง :โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคเส้นดำ เป็นต้น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยในช่วงวันที่ 12-16 ส.ค.มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส

  • กาแฟ สภาพอากาศมีความชื้นสูง : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โรคราสนิม โรคใบจุด เป็นต้น
  • ยางพารา สภาพอากาศมีความชื้นสูง :โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคเส้นดำ เป็นต้น
  • ประมงชายฝั่ง คลื่นลมมีกำลังแรง: ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณทะเลอันดามันควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือตลอดช่วง และในช่วงวันที่ 11-16 ส.ค. เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วง 7 วันข้างหน้า

ปริมาณฝนสะสมเดือนสิงหาคม (วันที่ 1 – 9 ส.ค.) ฝนสะสมในช่วงนี้ส่วนมากมีฝนสะสมน้อยกว่า 100 มม. เว้นแต่บางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่มีฝนสะสมมากกว่า 100 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา มีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 20 มม. เป็นส่วนมาก เว้นแต่บางพื้นที่ของภาคตะวันออกฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่าบริเวณอื่น คือ 1-20 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25 – 30 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่บางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 30 – 35 มม.

สมดุลน้ำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสมดุลน้ำส่วนมากมีค่าเป็นบวก โดยสมดุลน้ำสูงสุดอยู่ที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคตะวันออก โดยมีค่า 300-400 มม. ส่วนบางพื้นที่ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ โดยมีค่าอยู่ระหว่าง ( - 1) ถึง (-30) มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้สมดุลน้ำมีค่าเป็นบวก แต่บางพื้นที่ค่าสมดุลน้ำยังคงมีน้อย และในช่วง 7 วันข้างหน้ายังคงมีฝนตก กับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืช แต่ในบริเวณที่มีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศจะมีความชื้นสูงเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่มโดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ควรจัดทำระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก ส่วนในบางพื้นที่ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ยังคงมีฝนน้อย เกษตรกรควรพิจารณาให้น้ำเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม หมายเหตุ ดาวโหลดแผ่นที่สมดุลน้ำได้ตามลิ้งhttp://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ