พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 15 สิงหาคม 2559 - 21 สิงหาคม 2559

ข่าวทั่วไป Monday August 15, 2016 14:55 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 15 สิงหาคม 2559 - 21 สิงหาคม 2559

ภาคเหนือ

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดสัปดาห์ ในช่วงวันที่ 19-21 ส.ค. มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปี ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ โรคใบจุดสีน้ำตาล และศัตรูพืช เช่น หนอนกอข้าว หนอนห่อใบข้าว และหอยเชอรี่
  • ถั่วเหลือง ควรรีบเก็บเกี่ยว และลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ
  • ปลา(ในกระชัง) ปลาน๊อกน้ำตาย เนื่องฝนตกหนัก สภาพน้ำเปลี่ยน ควรลดปริมาณปลาในกระชัง และลดอาหาร หากโตได้ขนาดควรรีบจับขาย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดสัปดาห์ ในช่วงวันที่ 18-20 ส.ค. มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปี ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และศัตรูพืช เช่น หนอนห่อใบข้าว
  • สัตว์เลี้ยง ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : ควรดูแลโรงเรือนให้โปร่ง หลังคาอย่าให้รั่วซึม พื้นคอกไม่ให้ชื้นแฉะ เพื่อป้องกันสัตว์ป่วย
  • สัตว์น้ำ (ในบ่อ) ฝนตกหนัก : เสริมขอบบ่อไม่ให้น้ำฝนไหลลงบ่อ ทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์อ่อนแอเป็นโรค และเปิดเครื่องตีน้ำหลังฝนตก เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ เพิ่มออกซิเจน

ภาคกลาง

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ตลอดสัปดาห์ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส

  • ข้าว ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และศัตรูพืช เช่น หนอนกอ หนอนห่อใบข้าว
  • ไม้ดอก สภาพอากาศชื้น : ระวังโรคที่เกิดจากเชื้อรา และศัตรูพืชจำพวกหนอน
  • สัตว์ปีก สภาพอากาศชื้น : ดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเท เพื่อลดความชื้นป้องกันสัตว์ป่วย

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดสัปดาห์มีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : ระวังป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากเน่าโคนเน่า รวมทั้งการระบาดของหนอนกินใบ และหนอนเจาะลำต้น
  • สัตว์ปีก อากาศมีความชื้น : ดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเท เพื่อลดความชื้นป้องกันสัตว์ป่วย
  • ประมงชายฝั่ง คลื่นลมแรง: ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณอ่าวไทยตอนบนควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดสัปดาห์ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล สภาพดินและอากาศมีความชื้นสูง :เกษตรกรระวังโรคพืชที่เกิดจาก เชื้อรา เช่นโรครากเน่าโคนเน่า และระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกินใบ และหนอนชอนใบ
  • ยางพารา สภาพอากาศมีความชื้นสูง :โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคเส้นดำ เป็นต้น
  • ประมงชายฝั่ง คลื่นลมมีกำลังแรง: ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณทะเลอันดามันควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือตลอดสัปดาห์ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดสัปดาห์กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-45 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 4 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล สภาพดินและอากาศมีความชื้นสูง :เกษตรกรระวังโรคพืชที่เกิดจาก เชื้อรา เช่นโรครากเน่าโคนเน่า และระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกินใบ และหนอนชอนใบ
  • ยางพารา สภาพอากาศมีความชื้นสูง :โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคเส้นดำ เป็นต้น
  • ประมงชายฝั่ง คลื่นลมมีกำลังแรง: ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณทะเลอันดามันควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือตลอดสัปดาห์ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง

หมายเหตุhttp://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/MonthRain.php

http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php

ปริมาณฝนสะสมเดือนสิงหาคม (1 – 14) ฝนสะสมในช่วงนี้ส่วนมากมีฝนสะสมน้อยกว่า 100 มม. เว้นแต่ บางพื้นที่ของภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่มีฝนสะสมมากกว่า 100 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา มีปริมาณฝนสะสมมากว่า 20 มม. เป็นส่วนมาก เว้นแต่ภาคเหนือด้านตะวันตก บางพื้นที่ของภาคตะวันออกฉียงเหนือ ภาคกลางด้านตะวันออก และภาคใต้ตอนล่าง มีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่าบริเวณอื่น คือ 1-20 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25 – 30 มม. เป็นส่วนมาก เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และบางพื้นที่ของภาคตะวันออก มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 30 – 35 มม.

สมดุลน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสมดุลน้ำมีค่าบวกเป็นส่วนมาก โดยสมดุลน้ำสูงสุดอยู่ที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีค่า 200-400 มม. ส่วนภาคเหนือด้านตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนล่าง มีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ โดยมีค่าอยู่ระหว่าง ( - 1) ถึง (-40) มม.

คำแนะนำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้ในหลายพื้นที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก แต่บางพื้นที่ค่าสมดุลน้ำยังคงมีน้อย และในช่วง 7 วันข้างหน้ายังคงมีฝนตก กับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออกและภาคใต้ด้านตะวันตก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืชที่ขาดน้ำในช่วงที่ผ่านมา แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่มบริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก ส่วนในบางพื้นที่ของภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนล่าง ยังคงมีฝนน้อย เกษตรกรควรพิจารณาให้น้ำเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ