ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 02 มกราคม 2560 - 08 มกราคม 2560
- ผลผลิตทางการเกษตรในช่วงวันที่ 2-4 ม.ค.60 จะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายได้
- สัตว์เลี้ยง เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เช่น ลิ้นจี่และลำไย เป็นต้น เกษตรกรควรงดให้น้ำรอจนเห็นดอกชัดเจนและเพียงพอแล้วจึงค่อยลงมือให้น้ำโดยให้ครั้งละน้อยๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น
ในช่วงวันที่ 2 - 4 ม.ค. 60 อากาศเย็น อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-11 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 5-8 ม.ค. 60 อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมากประกอบกับปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
- พื้นที่การเกษตร เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง บางช่วงอาจมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟ หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลายเป็นอัคคีภัย
- พื้นที่การเกษตร สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย
- สัตว์เลี้ยง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- พื้นที่การเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้งปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดอัตราการสูญเสียน้ำโดยการระเหย
- ไม้ผล เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไร ต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม การผลิดอกออกผลลดลง
- มะม่วงเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงในระยะนี้บางช่วงอาจมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราดำ ซึ่งจะทำให้ยอด ดอก และใบเสียหาย หากพบการระบาดควรฉีดพ่นด้วยน้ำจะทำให้การระบาดลดลง และทำให้การติดผลดีขึ้น
- พื้นที่การเกษตรระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก ประกอบกับปริมาณฝนที่ตกมีน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ ถ้าขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง
- พื้นที่การเกษตร สำหรับบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- ไม้ผล ในช่วงที่มีฝนตก ทำให้สภาพอากาศและดินมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหายและตายได้
- ประมงชายฝั่งในช่วงวันที่ 2 - 4 ม.ค. 60 บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งควรระมัดระวังอันตรายจากคลื่นซัดฝั่งไว้ด้วย สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
- พืชสวนในช่วงที่มีฝนตก ทำให้สภาพอากาศและดินมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74