พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 25 มกราคม 2560 - 31 มกราคม 2560

ข่าวทั่วไป Wednesday January 25, 2017 14:06 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 25 มกราคม 2560 - 31 มกราคม 2560

ภาคเหนือ

อากาศเย็นถึงหนาวตลอดช่วง และในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-7 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยงระยะนี้มีอากาศเย็นถึงหนาวต่อเนื่องและในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้สัตว์เลี้ยงได้รับควาอบอุ่นเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • พื้นที่การเกษตรระยะนี้จะไม่มีฝนตกประกอบกับมีน้ำระเหยมากเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
  • ไม้ผลเนื่องจากระยะนี้จะไม่มีฝนตก สำหรับไม้ผลที่ออกดอกแล้ว เช่น มะม่วง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆและโรคราดำ ซึ่งอาจระบาดได้ ทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในวันที่ 25-26 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อยกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-3 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • พื้นที่การเกษตรระยะนี้จะไม่มีฝนตกประกอบกับมีน้ำระเหยมากเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
  • สัตว์เลี้ยงระยะนี้จะมีอากาศหนาวต่อเนื่องและในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค.อุณหภูมิจะลดลงอีก เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้สัตว์เลี้ยงได้รับควาอบอุ่นเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • พืชไร่และผักชนิดต่างๆระยะนี้จะไม่มีฝนตก และปริมาณน้ำที่สูญเสียไปจากดินและพืชมีมาก เกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และควรคำนึงถึงการใช้น้ำอย่างประหยัด รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆไว้ด้วย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อยกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยงระยะนี้มีอากาศเย็นในตอนเช้า และในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค.อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ไม้ผลเนื่องจากระยะนี้จะไม่มีฝนตกสำหรับไม้ผลที่ออกดอกแล้ว เช่น มะม่วง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆและโรคราดำ ซึ่งอาจระบาดได้ทำให้ดอกร่วงหล่น ปริมาณการติดผลลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1- 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผลสำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต และร่วงหล่น รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆด้วย
  • พืชไร่และผักชนิดต่างๆ ระยะนี้จะไม่มีฝนตก และปริมาณน้ำที่สูญเสียไปจากดินและพืชมีมาก เกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และควรคำนึงถึงการใช้น้ำอย่างประหยัด รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆไว้ด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การ เกษตร พื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะทางตอนกลางของภาคหากปริมาณฝนลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่าต้นพืชตายได้
  • เกษตรกรในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค.ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปยังคงมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนจะลดลง เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ประมงชายฝั่งระยะนี้คลื่นลมในอ่าวไทยตั้งแต่บริเวณจังหวัด สุราษฎร์ธานีลงไปจะมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 28-30 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การ เกษตรพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะทางตอนกลางของภาคหากปริมาณฝนลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่าต้นพืชตายได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ