พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 29 กันยายน 2560 - 05 ตุลาคม 2560

ข่าวทั่วไป Friday September 29, 2017 14:17 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 29 กันยายน 2560 - 05 ตุลาคม 2560

ภาคเหนือ

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นทีตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

พื้นที่การเกษตร ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนของภาคเหนือตอนบน ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร และวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

สัตว์เลี้ยง ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้สภาพอากาศมีความชื้นสูงและมีอากาศเย็นในตอนเช้า ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยง เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้สัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันจะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

พื้นที่การเกษตร ระยะนี้บริเวณตอนบนของภาคปริมาณฝนจะเริ่มลดลง เกษตรกรควรกักเก็บน้ำและวางแผนการใช้น้ำด้านการเกษตร ส่วนบริเวณตอนล่างของภาคยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในระยะนี้ สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้มีน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้

ข้าวนาปี ระยะนี้บริเวณตอนล่างของภาคยังคงมีฝนตกและมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคไหม้ ที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคกลาง

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

พื้นที่การเกษตร ระยะนียังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่มเกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงให้มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังโคนต้นพืช ซึ่งจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้

สัตว์น้ำ ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยงโดยเฉพาะหลังจากที่มีฝนตก เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำและสภาพน้ำเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับสภาพน้ำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส

พื้นที่การเกษตร ระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ อย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้

สัตว์น้ำ ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยงโดยเฉพาะหลังจากที่มีฝนตก เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำและสภาพน้ำเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับสภาพน้ำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

พื้นที่การเกษตร ระยะนี้ยังมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณที่ลุ่มและน้ำล้นตลิ่งได้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยปรับปรุงระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนหนัก

ยางพารา ระยะนี้สภาพ อากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ ซึ่งจะทำให้หน้ากรีดยางเสียหายได้ โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน

ไม้ผล สำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ผลควรระวังและป้องกัน การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหายและตายได้ รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนทำให้ต้นพืชทรุดโซม ชะงักการเจริญเติบโต

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อันดามันตอนบน: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อันดามันตอนล่าง: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

พื้นที่การเกษตร ระยะนี้ยังมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณที่ลุ่มและน้ำล้นตลิ่งได้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยปรับปรุงระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนหนัก

ยางพารา ระยะนี้สภาพ อากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ ซึ่งจะทำให้หน้ากรีดยางเสียหายได้ โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน

ไม้ผล สำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ผลควรระวังและป้องกัน การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหายและตายได้ รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนทำให้ต้นพืชทรุดโซม ชะงักการเจริญเติบโต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ