พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 31 มกราคม – 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Wednesday January 31, 2018 13:35 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 14/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีสภาพอากาศแปรปรวนโดยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลงได้อีก 3-5 องศาเซลเซียส และมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องกับมีลมแรง สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตรตลอดช่วง

คำเตือน ระยะนี้ อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองในระยะต้นช่วง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-20ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด12-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียสลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-11 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 2-6 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด10-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียสบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด1-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็น โดยทางตอนบนของภาคจะมีอากาศที่หนาวเย็นที่ยาวนานกว่าทางตอนล่างของภาคเกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รวมทั้งระวังป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก ซึ่งมีความต้านทานต่อสภาพอากาศหนาวต่ำกว่าสัตว์ที่โตเต็มวัย เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรงอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียสบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 1-6 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-18องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-27 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับเกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง หลังจากใช้งานเสร็จแล้วควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลาย เป็นอัคคีภัย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็น โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มดวงไฟภายในโรงเรือนเพื่อเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ส่วนในวันที่ 2-6 ก.พ. อากาศเย็นกับมีลมแรงอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-20องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งและบางช่วงอาจมีลมแรงเกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40ของพื้นที่ อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 2-6 ก.พ. อากาศเย็นกับมีลมแรงอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-20องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
  • พื้นที่ซึ่งมีอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือนและโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟ หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในวันที่ 4 - 6 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ในช่วงวันที่ 31 ม.ค.-6 ก.พ. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป:ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์80-90 %

ฝั่งตะวันตก ในวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในวันที่ 4-6 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 31 ม.ค.-6 ก.พ. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้เป็นฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นด้านรับลมมรสุมดังกล่าวจะมีปริมาณและการกระจายของฝนมากกว่าทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • สำหรับทางตอนบนของภาคอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคซึ่งมีอากาศชื้น เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชสวนและพืชผักต่างๆ โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องได้ทั่วถึง เพื่อลดความชื้นภายในแปลงปลูก ป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา
  • อนึ่งในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 4 ก.พ. 61 คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง เกษตรกรที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. – 6 ก.พ. 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนมกราคม (ในช่วงวันที่ 1-30 มกราคม 2561) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า50 มม. เว้นแต่ภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออกมีปริมาณฝนสะสม 50-200 มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม50-600 มม. โดยภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 200-600 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. เว้นแต่ภาคตะวันออกมีปริมาณฝนสะสม 25-100 มม. สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่ภาคใต้ตอนกลางมีปริมาณฝนสะสม 50-150 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม 20-30 มม. โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออกและภาคใต้ตอนล่างมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ

สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-1)-(-30) มม. เว้นแต่ภาคตะวันออกมีค่าสมดุลน้ำสะสม 1-70 มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-1)-(-30) มม. เว้นแต่ภาคใต้ตอนกลางมีค่าสมดุลน้ำสะสม10-100 มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคกลาง ภาคตะวันออก และใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศแปรปรวน โดยมีอากาศหนาวเย็นกับมีฝนฟ้าคะนองและมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองแข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายสำหรับภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ