พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 2 – 8 มกราคม พ.ศ. 2562

ข่าวทั่วไป Wednesday January 2, 2019 15:05 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 2 – 8 มกราคม พ.ศ. 2562

ออกประกาศวันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 1/62

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 2 - 3 ม.ค. 62 ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในช่วงวันที่ 3 – 5 ม.ค. 62 บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 2 - 3 ม.ค. 62 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น และมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อนึ่ง พายุโซนร้อนปาบึก (PABUK) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง คาดว่า จะเคลื่อนผ่านภาคใต้ลงสู่ทะเลอันดามันในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. 62 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 2 - 3 ม.ค. 62 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับในช่วงวันที่ 3 – 5 ม.ค. 62 บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน จะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรงดเดินเรือในระยะนี้ อนึ่ง เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังและป้องกัน คลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 2- 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรงส่วนในช่วงวันที่ 4 - 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาว โดยในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้อากาศแปรปรวน เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง และควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กซึ่งจะมีความต้านทานความหนาวเย็นต่ำกว่าสัตว์ที่โตเต็มวัย รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งตอนกลางคืนเพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 2- 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรงอุณหภูมิต่ำสุด 10-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ
  • สำหรับเกษตรกรที่จุดไฟ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง หลังจากใช้งานเสร็จแล้วควรดับให้สนิททุกครั้งเพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเป็นอัคคีภัย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลง สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลง อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 2 - 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นในตอนเช้าอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • เนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานเกษตรกรควรวางแผน การใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร ในช่วงแล้ง ซึ่งปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 2 - 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลงเกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และบางช่วงมีลมแรงเกษตรกร ควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร และอาคารบ้านเรือน
  • ระยะนี้ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 2 - 5 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง กับมีลมกระโชกแรง ลมตะวันออกความเร็ว 40-60 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 3-5 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 5 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียสส่วนในช่วงวันที่ 6 - 8 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 2 - 5 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมกระโชกแรง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 8 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้ภาคใต้จะมีฝนเป็นบริเวณกว้าง กับจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง และลมแรงไว้ด้วย โดยติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
  • เกษตรกรควรสำรวจคูคลอง ทางระบายน้ำ ตลอดจนสันดอนปากแม่น้ำ อย่าให้ตื้นเขินและติดขัด น้ำไหลได้สะดวก เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัย
  • ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูงเกษตรกรควรระวังและป้องกัน โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชสวนและพืชผัก โดยดูแลพื้นที่การเกษตร ให้โปร่ง อากาศ
ถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องได้ทั่วถึง
  • ในช่วงวันที่ 3 - 5 ม.ค. 62 บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 3-5 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 5 เมตรส่วนบริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง อนึ่ง เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออก ควรระวังและป้องกันคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 2 - 8 ม.ค. 2562

ปริมาณฝนสะสมเดือนมกราคม (ช่วงวันที่ 1-2 ม.ค.) ประเทศไทยพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีรายงานฝนตก เว้นแต่บริเวณภาคใต้ตอนล่างที่มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา (ช่วงวันที่ 26 ธ.ค. 2561 – 1 ม.ค.2562) ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคกลางและภาคใต้ตอนล่างที่มีปริมาณฝนสะสม 50-150 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 15-30 มม.

สมดุลน้ำ 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ คือ (-10) - (-30) มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคกลาง และภาคใต้ตอนกลางด้านฝั่งตะวันออกและทางตอนล่างของภาคที่มีค่าสมดุลน้ำ เป็นบวก คือ 1-100 มม.

คำแนะนำ ช่วง 7 วันที่ผ่าน ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า บริเวณประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็น กับมีอากาศแปรปรวน เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และดูแลสุภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวและเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค.2562 โดยจะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวน และพืชผักชนิดต่างๆ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ