พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 7 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ออกประกาศวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 120/62
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 7 – 11 ต.ค. 62 ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง สำหรับภาคใต้จะมีฝนตกต่อเนื่องตลอดช่วงและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่งเกดิ ข้นึ ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คำเตือน ในช่วงวันที่ 12 - 13 ต.ค. บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 7 - 11 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
- ระยะนี้อากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนโดยเฉพาะหนอนกระทู้ซึ่งจะกัดกินต้นข้าวและรวงข้าวทำให้ผลผลิตเสียหาย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 7 - 11 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
- ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 7 - 11 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
- ในช่วงฤดูฝนแมลงและศัตรูสัตว์ต่างๆ เช่น ยุง เหลือบ ริ้น และไร จะเจริญเติบโตได้ดี ผู้เลี้ยงสัตว์ควรระวังและป้องกันศัตรูสัตว์มารบกวนสัตว์เลี้ยง เนื่องจากศัตรูสัตว์บางชนิดอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่สัตว์เลี้ยงได้ สำหรับฝนที่ตกและหยุดตกสลับกันในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืชไร่ ไม้ผลและพืชผักต่างๆ ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 7 - 11 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 ต.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด31-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
- ระยะนี้ฝนตกไม่สม่ำเสมอ สภาพอากาศเหมาะแก่การระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน เกษตรกรจึงควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชดังกล่าวในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช เช่น ใบอ่อนและยอดอ่อน ทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูหนาวปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร
ภาคใต้
ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 8 – 9 และ 12 - 13 ต.ค. 62 ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 8 - 10 ต.ค. 62 ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
- เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝนของทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรขุดลอกคูคลอง และทางระบายน้ำอย่าให้ตื้นเขิน น้ำสามารถระบายได้สะดวก ป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก ส่วนผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันและลดความรุนแรงของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 6 ตุลาคม 2562 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนและอ่าวไทยเกือบตลอดสัปดาห์ โดยมีลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้ในระยะต้นสัปดาห์ และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ในระยะกลางสัปดาห์ อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ในระยะปลายสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝน ส่วนมากในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ ส่วนภาคใต้มีฝนตกตลอดสัปดาห์กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ภาคเหนือ มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ จากนั้นมีฝนร้อยละ 30-80 ของพื้นที่กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 25 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ จากนั้นมีฝนร้อยละ 40-70 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่ง ภาคกลาง มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 25 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ จากนั้นมีฝนร้อยละ 40-70 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่ง ภาคตะวันออก มีฝนร้อยละ 30-60 ของพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ กับมีฝนหนักบางแห่ง เว้นแต่ในวันที่ 5 ต.ค. มีฝนมากกว่าร้อยละ 90 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนร้อยละ 60-90 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง
สัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดแพร่ สุโขทัย ชลบุรี นครศรีธรรมราช ยะลา และตรัง ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เลย อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรปราการ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด ชุมพร สุราษฏร์ธานี พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา