พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่างระหว่าง 16 ธันวาคม 2552 - 22 ธันวาคม 2552

ข่าวทั่วไป Wednesday December 16, 2009 16:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 16 ธันวาคม 2552 - 22 ธันวาคม 2552

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-22 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว และในช่วงวันที่ 19-20 ธ.ค. มีฝนบางแห่ง ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงบริเวณเทือกเขาและยอดดอย อาจเกิดน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร นอกจากนี้ควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน ส่วนพืชผลทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไม่ควรตากไว้กลางแจ้งข้ามคืนเพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้เนื่องจากหมอกและน้ำค้าง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ โดยเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก ป้องกันลมโกรก ที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย ระยะนี้เป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำอย่างประหยัดและวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขาอากาศหนาว หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า ในช่วงที่อุณหภูมิต่ำ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมอุณหภูมิน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิลดลงสัตว์น้ำก็จะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือหมักหมมจะทำให้น้ำเน่าเสีย สภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชไร่และไม้ผล ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตเสียหาย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อากาศเย็น บริเวณเทือกเขาอากาศหนาว หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า สภาพอากาศแห้งในระยะนี้ทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอเพราะหากขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นดิน นอกจากนี้ เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 17-21 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค และตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมามีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า หลังจากนั้น มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำทางตอนบนของภาคควรควบคุมอุณหภูมิของน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนทางตอนล่างที่มีฝนตกชุก เกษตรกรควรดูแลบริเวณแปลงปลูกพืชให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นในพื้นที่เพาะปลูก ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา อนึ่งในช่วงวันที่ 17-21 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ผู้ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วน ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ