ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร “บล. เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์” เป็น “BB+” จาก “BB” ด้วยแนวโน้ม “Positive”

ข่าวทั่วไป Friday February 4, 2011 16:46 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด

(มหาชน) เป็นระดับ “BB+” จากระดับ “BB” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงภาระหนี้ที่

ลดลงหลังจากที่บริษัทได้เพิ่มทุนและชำระหนี้ผูกพันทั้งหมดตามข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้และเพิ่มทุนแล้ว อย่างไรก็ตาม

อันดับเครดิตมีแรงกดดันจากความยืดหยุ่นทางการเงินและฐานะทางการเงินของบริษัทที่ยังมีข้อจำกัดแม้เงินทุนของบริษัทจะแข็ง

แกร่งขึ้นหลังการเพิ่มทุนก็ตาม การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและการตอบสนองจากตลาด

ต่อการกลับเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท รวมถึงผลงานในการดำเนินธุรกิจใหม่ (ธุรกรรมซื้อคืน

ภาคเอกชน และธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์) ที่ยังมีไม่มากนัก ตลอดจนการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คือ ตลาดหลัก

ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) รวมทั้งระบบงานที่ดีซึ่งช่วยสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น

ในปี 2553 ด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าตลาดหลักทรัพย์จะมีแนว

โน้มในเชิงบวกและบริษัทสามารถปรับปรุงการดำเนินธุรกิจและผลประกอบการทางการเงินให้สอดคล้องกับแนวโน้มของ

อุตสาหกรรมได้ นอกจากนี้ การพิจารณาแนวโน้มอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความคาดหมายที่บริษัทจะได้รับการสนับสนุนจาก ต.ล.

ท. ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดด้วย ทั้งนี้ ความสามารถในการฟื้นฐานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ตลอดจน

การดำเนินธุรกิจใหม่ให้เป็นไปตามแผน และการเข้าถึงเงินทุนจากหลายแหล่งยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บล. เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์บรรลุข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2552

และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 สามารถบรรลุเงื่อนในการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการเพิ่มทุนอย่างน้อย 1,000 ล้านบาทจากผู้

ถือหุ้นที่มีอยู่ รวมถึงจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ และจากการแปลงหนี้เป็นทุน เงินเพิ่มทุนใหม่จำนวน 1,016.74 ล้านบาท (ราคาพาร์

10 บาทต่อหุ้น) ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของบริษัทโดยเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 30% จากระดับ

0.92% ณ เดือนมีนาคม 2552 หลังจากการเพิ่มทุนแล้ว ต.ล.ท. ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทในสัดส่วน 24.66%

ตามด้วยกระทรวงการคลัง (10.56%) ธนาคารกรุงไทย (6.02%) ธนาคารออมสิน (4.92%) ธนาคารพาณิชย์ 12 แห่ง

(17.72%) บริษัทหลักทรัพย์ 36 แห่ง (16.99%) กองทุนที่บริหารโดยบริษัทจัดการกองทุน 14 แห่ง (14.85%) และบริษัท

ประกัน 9 แห่ง (4.28%)

ภายใต้ข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้ เจ้าหนี้ทุกรายได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน โดยหนี้ตามข้อผูกพันมีจำนวนทั้งสิ้น 8,725

ล้านบาท และบริษัทใช้เงินจากสถาบันการเงินหลัก 4 แห่งมาชำระคืนเจ้าหนี้ตามข้อผูกพันไปแล้วทั้งหมดภายในวันที่ 21 มิถุนายน

2553 อย่างไรก็ตาม ความยืดหยุ่นทางการเงินและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังมีข้อจำกัดซึ่งอาจทำให้บริษัทมีความ

เสี่ยงในการหาแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อนำมาชำระหนี้ในอนาคต

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บล. เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ยังคงเผชิญกับความท้าทายในธุรกิจหลักเนื่องจากความไม่แน่นอนของปัจจัย

แวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและการตอบสนองจากตลาดหลังจากบริษัทกลับเข้าสู่ธุรกิจการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ภายหลัง

วิกฤตการเงินในปี 2551 ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทลดลงจาก 27%-28% ในช่วงปี 2549-

2550 เป็น 22% ในปี 2551 และ 12% ณ เดือนมิถุนายน 2553 บริษัทมียอดสินเชื่อและลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์รวมจำนวน

2,857 ล้านบาทในปี 2552 ลดลง 24% จากปี 2551 ณ เดือนกันยายน 2553 สินเชื่อและลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ขยายตัวจาก

ปลายปี 2552 ในอัตรา 9% เป็นจำนวน 3,126 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาถึงแผนธุรกิจแล้วถือว่าบริษัทยังมีช่องทางในการทำธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชนและธุรกรรมยืมและให้ยืมหลัก

ทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ แต่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป อย่าง

ไรก็ตาม คณะผู้บริหารยังต้องการเวลาในการสร้างผลงานและบรรลุผลสำเร็จในการขยายตลาดตามแผนธุรกิจ

ณ เดือนกันยายน 2553 บริษัทมีขนาดของสินทรัพย์ที่จำนวน 3,162 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 20% จาก

3,955 ล้านบาท ณ ปลายปี 2552 ในปี 2552 บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจำนวน 1,010 ล้านบาทจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งทำ

ให้บริษัทมีผลขาดทุน 858 ล้านบาทในปีดังกล่าว สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทรายงานกำไรสุทธิจำนวน 64

ล้านบาทโดยผลประกอบการทางการเงินค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2553 หลังจากความสำเร็จในการเพิ่มทุน

ในเดือนกรกฎาคม 2552 แล้ว บริษัทก็มีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น

จาก 0.71% ในปี 2551 เป็น 29.3% ในปี 2552 และ ณ เดือนกันยายน 2553 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 38.24% ทริสเรทติ้งกล่า

ว -- จบ

บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) (TSFC)
อันดับเครดิตองค์กร: BB+ จาก BB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive (บวก)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต
การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้
เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์
เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุ
ประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริ
สเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิด
ชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะ
ไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการ
จัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ